ธปท.เล็งตรวจระบบไอทีสถาบันการเงิน
Posted: 16 Jan 2015, 10:35
?ธปท.เล็งตรวจระบบไอทีสถาบันการเงิน?
ธปท.เตรียมเข้าไปตรวจสอบไอทีแบงก์-นอนแบงก์ รองรับดิจิตอลแบงก์กิ้งบูม หวั่นระบบล่มกระทบลูกค้าวงกว้าง
นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปี 58 นี้ ธปท.จะเน้นการเข้าไปตรวจสอบความเสี่ยงด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) และระบบเพย์เมนท์ของสถาบันการเงินต่าง ๆ มากขึ้น หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์เปิดให้บริการทางการเงินด้วยระบบไอที หรือ ดิจิตอล แบงก์กิ้ง มากขึ้น ทั้งเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่มีบริการหลากหลาย เช่น โอนเงิน ซื้อเงินตราต่างประเทศ ,โมบาย แบงก์กิ้ง ที่นำแอพพลิเคชั่นบนมือถือมาให้บริการ พร้อมทั้งร่วมมือกับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) ที่โอนเงินจากตู้เอทีเอ็มไปรับเงินสดที่ร้านค้าสะดวกซื้อ หรือโอนเงินจากบัตรอี-มันนี่ เข้าบัญชีธนาคาร เป็นต้น เพื่อดูแลว่าระบบธุรกิจหลักของแต่ละธนาคารนั้นสามารถรองรับการทำธุรกรรมเหล่านี้ได้อย่างดี ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นกับลูกค้า เพราะเรื่องเหล่านี้หากเกิดปัญหาขึ้น ก็จะกระทบเป็นวงกว้าง
ขณะเดียวกัน ธปท.จะให้ความสำคัญในการทดสอบภาวะวิกฤติกับกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการดูแลผู้บริโภคอีกทางหนึ่งด้วย หลังจากที่ปีนี้ประเมินว่า ธนาคารพาณิชย์ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยโต 7% โดยธนาคารขนาดเล็กเฉลี่ยโต 10% ธนาคารขนาดใหญ่ เฉลี่ยโต 5-9% ซึ่งมองว่า สินเชื่อที่จะเติบโตนี้ มาจากกลุ่มก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสาธารณูปโภค ขณะเดียวกัน ธนาคารพาณิชย์แทบทุกแห่ง ยังมุ่งเน้นเข้าสู่ดิจิตอล แบงก์กิ้ง เซอร์วิส มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการลดต้นทุนของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงช่วยเพิ่มในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมจากปริมาณธุรกรรมที่คาดว่าจะสูงขึ้นด้วย
"ปีนี้เฉลี่ยแล้วสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์จะขยายตัวได้ 7%เพิ่มขึ้นจากปี 57 ที่โต 5% โดยเน้นไปยังะกลุ่มอยู่ที่ก่อสร้าง อสังหาฯ โครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมากขึ้น ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่นั้น จะเน้นการออกหุ้นกู้เป็นหลัก ส่วนที่จะขอกู้เงินก็เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเท่านั้น”
ทั้งนี้มี 4 แนวทางในการตรวจสอบความเสี่ยงในระบบดังกล่าว ประเมินแผนพัฒนาและลงทุนด้านไอที การควบคุมระบบไอทีที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการรองรับธุรกิจ ประเมินการควบคุมการให้บริการ อี-แบงก์กิ้ง และอี-เพย์เมนท์ ตรวสอบระบบเพย์เมนท์ ประเมินแผนการปรับเปลี่ยนบัตรเดบิตเอทีเอ็มและตู้เอทีเอ็มให้รองรับชิพคาร์ด และการจัดทำแผนฉุกเฉิน สุดท้ายคือประเมินการ
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 15มกราคม 2558
ธปท.เตรียมเข้าไปตรวจสอบไอทีแบงก์-นอนแบงก์ รองรับดิจิตอลแบงก์กิ้งบูม หวั่นระบบล่มกระทบลูกค้าวงกว้าง
นางทองอุไร ลิ้มปิติ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปี 58 นี้ ธปท.จะเน้นการเข้าไปตรวจสอบความเสี่ยงด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) และระบบเพย์เมนท์ของสถาบันการเงินต่าง ๆ มากขึ้น หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์เปิดให้บริการทางการเงินด้วยระบบไอที หรือ ดิจิตอล แบงก์กิ้ง มากขึ้น ทั้งเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่มีบริการหลากหลาย เช่น โอนเงิน ซื้อเงินตราต่างประเทศ ,โมบาย แบงก์กิ้ง ที่นำแอพพลิเคชั่นบนมือถือมาให้บริการ พร้อมทั้งร่วมมือกับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (นอนแบงก์) ที่โอนเงินจากตู้เอทีเอ็มไปรับเงินสดที่ร้านค้าสะดวกซื้อ หรือโอนเงินจากบัตรอี-มันนี่ เข้าบัญชีธนาคาร เป็นต้น เพื่อดูแลว่าระบบธุรกิจหลักของแต่ละธนาคารนั้นสามารถรองรับการทำธุรกรรมเหล่านี้ได้อย่างดี ไม่มีปัญหาเกิดขึ้นกับลูกค้า เพราะเรื่องเหล่านี้หากเกิดปัญหาขึ้น ก็จะกระทบเป็นวงกว้าง
ขณะเดียวกัน ธปท.จะให้ความสำคัญในการทดสอบภาวะวิกฤติกับกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ เพื่อเป็นการดูแลผู้บริโภคอีกทางหนึ่งด้วย หลังจากที่ปีนี้ประเมินว่า ธนาคารพาณิชย์ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยโต 7% โดยธนาคารขนาดเล็กเฉลี่ยโต 10% ธนาคารขนาดใหญ่ เฉลี่ยโต 5-9% ซึ่งมองว่า สินเชื่อที่จะเติบโตนี้ มาจากกลุ่มก่อสร้าง กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มสาธารณูปโภค ขณะเดียวกัน ธนาคารพาณิชย์แทบทุกแห่ง ยังมุ่งเน้นเข้าสู่ดิจิตอล แบงก์กิ้ง เซอร์วิส มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นการลดต้นทุนของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงช่วยเพิ่มในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมจากปริมาณธุรกรรมที่คาดว่าจะสูงขึ้นด้วย
"ปีนี้เฉลี่ยแล้วสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์จะขยายตัวได้ 7%เพิ่มขึ้นจากปี 57 ที่โต 5% โดยเน้นไปยังะกลุ่มอยู่ที่ก่อสร้าง อสังหาฯ โครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมากขึ้น ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่นั้น จะเน้นการออกหุ้นกู้เป็นหลัก ส่วนที่จะขอกู้เงินก็เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเท่านั้น”
ทั้งนี้มี 4 แนวทางในการตรวจสอบความเสี่ยงในระบบดังกล่าว ประเมินแผนพัฒนาและลงทุนด้านไอที การควบคุมระบบไอทีที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการรองรับธุรกิจ ประเมินการควบคุมการให้บริการ อี-แบงก์กิ้ง และอี-เพย์เมนท์ ตรวสอบระบบเพย์เมนท์ ประเมินแผนการปรับเปลี่ยนบัตรเดบิตเอทีเอ็มและตู้เอทีเอ็มให้รองรับชิพคาร์ด และการจัดทำแผนฉุกเฉิน สุดท้ายคือประเมินการ
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 15มกราคม 2558