คลังตั้งงบขาดดุลต่อเนื่อง
Posted: 17 Jan 2015, 09:05
?คลังตั้งงบขาดดุลต่อเนื่อง?
ตั้งงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องอีก 1 ปี เคาะขาดดุลประมาณ 390,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบขาดดุลงบประมาณปี 58 ที่ตั้งขาดดุลไว้ที่ 250,000 ล้านบาท
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ การพิจารณากรอบการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 59 ยังคงดำเนินการงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องอีก 1 ปี โดยขาดดุลประมาณ 390,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบขาดดุลงบประมาณปี 58 ที่ตั้งขาดดุลไว้ที่ 250,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นถึง 140,000 ล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจและลงทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตัวเลขการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 59 ของกระทรวงการคลัง คาดว่าจะเก็บรายได้ อยู่ที่ 2.33 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่สำนักงบประมาณตั้งเป้าหมายรายจ่ายไว้ที่ 2.72 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เสนอให้ที่ประชุมร่วม 4 หน่วยงานด้านเศรษฐกิจ คือ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดทำงบประมาณแบบขาดดุล ช่วง 320,000-400,000 ล้านบาท ที่เป็นงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 20% ของงบประมาณทั้งหมด แต่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ต้องการทำงบประมาณปี 59 ไม่ต่ำกว่า 20% ของงบประมาณทั้งหมด หรือประมาณ 500,000 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลต้องทำขาดดุลค่อนข้างมาก โดยยังอยู่ในกรอบของการทำงบประมาณที่ตั้งขาดดุลได้ 20% ของงบประมาณรายจ่าย รวมกับอีก 80% ของต้นเงินชำระเงินกู้
สำหรับการประมาณรายได้ปี 59 วงเงิน 2.33 ล้านล้านบาท หากเทียบกับประมาณการรายได้ปีงบประมาณ 58 ที่ตั้งไว้ 2.32 ล้านล้านบาท ดูเหมือนจะไม่เพิ่มขึ้นเลย แต่การประมาณรายได้เก็บจริงของปีงบประมาณ 58 คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อใช้คาดการณ์ประมาณการณ์รายได้ของบบประมาณปี 59 ซึ่งขยายตัวจากฐานที่เก็บได้จริงประมาณ 7% โดยคาดว่าเศรษฐกิจปี 59 จะขยายตัว 4.2% ต่อปี
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า การทำงบประมาณแบบขาดดุลสูงยังมีความจำเป็นในการดูแลเศรษฐกิจ เพราะประเทศมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งการลงทุน การชำระหนี้ และการลงทุนเพื่อสังคม ทั้งด้านสาธารณสุข และการศึกษา อย่างไรก็ตามในส่วนของกระทรวงการคลัง จะพิจารณาตัดงบของหลายหน่วยงานที่ขอมามากเกินความจริง เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับหน่วยงานอื่นให้มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายที่รอบคอบใช้ได้จริงและเหมาะสม
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 59 ได้กำหนดให้มีงบประมาณรายจ่ายรวม 2.72 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณขาดดุล แต่ไม่ให้เกิน 20% ของงบประมาณทั้งหมด เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่งบลงทุนกำหนดไว้ วงเงิน 534,000 ล้านบาท มีสัดส่วน 20% ของงบประมาณทั้งหมดภายใต้สมมติฐานการเติบโตของเศรษฐกิจขยายตัว 4.2% โดยเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาวันที่ 20 ม.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับประมาณการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 58 ใหม่ โดยพิจารณาการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษีใหม่ เพื่อนำไปใช้เป็นฐานในการคำนวณการจัดเก็บรายได้ของปีงบประมาณ 59 ทำให้ สศค.ต้องมาปรับปรุงตัวเลขดังกล่าว เนื่องจากการจัดทำงบประมาณ 58 ได้ใช้ตัวเลขประมาณการของปีงบประมาณ 57 ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจฟื้นตัวและราคาน้ำมันไม่ได้ปรับลด แต่การจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 57 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้การจัดเก็บรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าการจัดเก็บรายได้ในปี 58 จะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 2.325 ล้านล้านบาท เนื่องจากยังมีโอกาสในการจัดเก็บรายได้ใหม่ๆ และรายได้บางรายการที่หายไป ก็ต้องไปดำเนินการจัดเก็บให้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับลดลงนั้น ขณะนี้คงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ราคาน้ำมันจะลดลงจนถึงสิ้นปี และแม้ว่าจะกระทบจากภาษีนำเข้า แต่เมื่อพิจารณาจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน การจัดเก็บรายได้ก็ไม่ได้หายไปมาก
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 17มกราคม 2558
ตั้งงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องอีก 1 ปี เคาะขาดดุลประมาณ 390,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบขาดดุลงบประมาณปี 58 ที่ตั้งขาดดุลไว้ที่ 250,000 ล้านบาท
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ การพิจารณากรอบการจัดทำงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 59 ยังคงดำเนินการงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องอีก 1 ปี โดยขาดดุลประมาณ 390,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่างบขาดดุลงบประมาณปี 58 ที่ตั้งขาดดุลไว้ที่ 250,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นการขาดดุลเพิ่มขึ้นถึง 140,000 ล้านบาท เนื่องจากรัฐบาลต้องกระตุ้นเศรษฐกิจและลงทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตัวเลขการจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 59 ของกระทรวงการคลัง คาดว่าจะเก็บรายได้ อยู่ที่ 2.33 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามที่สำนักงบประมาณตั้งเป้าหมายรายจ่ายไว้ที่ 2.72 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เสนอให้ที่ประชุมร่วม 4 หน่วยงานด้านเศรษฐกิจ คือ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จัดทำงบประมาณแบบขาดดุล ช่วง 320,000-400,000 ล้านบาท ที่เป็นงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 20% ของงบประมาณทั้งหมด แต่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ต้องการทำงบประมาณปี 59 ไม่ต่ำกว่า 20% ของงบประมาณทั้งหมด หรือประมาณ 500,000 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลต้องทำขาดดุลค่อนข้างมาก โดยยังอยู่ในกรอบของการทำงบประมาณที่ตั้งขาดดุลได้ 20% ของงบประมาณรายจ่าย รวมกับอีก 80% ของต้นเงินชำระเงินกู้
สำหรับการประมาณรายได้ปี 59 วงเงิน 2.33 ล้านล้านบาท หากเทียบกับประมาณการรายได้ปีงบประมาณ 58 ที่ตั้งไว้ 2.32 ล้านล้านบาท ดูเหมือนจะไม่เพิ่มขึ้นเลย แต่การประมาณรายได้เก็บจริงของปีงบประมาณ 58 คาดว่าจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพื่อใช้คาดการณ์ประมาณการณ์รายได้ของบบประมาณปี 59 ซึ่งขยายตัวจากฐานที่เก็บได้จริงประมาณ 7% โดยคาดว่าเศรษฐกิจปี 59 จะขยายตัว 4.2% ต่อปี
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวว่า การทำงบประมาณแบบขาดดุลสูงยังมีความจำเป็นในการดูแลเศรษฐกิจ เพราะประเทศมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ทั้งการลงทุน การชำระหนี้ และการลงทุนเพื่อสังคม ทั้งด้านสาธารณสุข และการศึกษา อย่างไรก็ตามในส่วนของกระทรวงการคลัง จะพิจารณาตัดงบของหลายหน่วยงานที่ขอมามากเกินความจริง เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับหน่วยงานอื่นให้มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายที่รอบคอบใช้ได้จริงและเหมาะสม
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ กล่าวว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 59 ได้กำหนดให้มีงบประมาณรายจ่ายรวม 2.72 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณขาดดุล แต่ไม่ให้เกิน 20% ของงบประมาณทั้งหมด เพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ขณะที่งบลงทุนกำหนดไว้ วงเงิน 534,000 ล้านบาท มีสัดส่วน 20% ของงบประมาณทั้งหมดภายใต้สมมติฐานการเติบโตของเศรษฐกิจขยายตัว 4.2% โดยเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาวันที่ 20 ม.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับประมาณการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 58 ใหม่ โดยพิจารณาการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษีใหม่ เพื่อนำไปใช้เป็นฐานในการคำนวณการจัดเก็บรายได้ของปีงบประมาณ 59 ทำให้ สศค.ต้องมาปรับปรุงตัวเลขดังกล่าว เนื่องจากการจัดทำงบประมาณ 58 ได้ใช้ตัวเลขประมาณการของปีงบประมาณ 57 ภายใต้สมมติฐานเศรษฐกิจฟื้นตัวและราคาน้ำมันไม่ได้ปรับลด แต่การจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 57 ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้การจัดเก็บรายได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าการจัดเก็บรายได้ในปี 58 จะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 2.325 ล้านล้านบาท เนื่องจากยังมีโอกาสในการจัดเก็บรายได้ใหม่ๆ และรายได้บางรายการที่หายไป ก็ต้องไปดำเนินการจัดเก็บให้ได้ตามเป้าหมาย ส่วนปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ปรับลดลงนั้น ขณะนี้คงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ราคาน้ำมันจะลดลงจนถึงสิ้นปี และแม้ว่าจะกระทบจากภาษีนำเข้า แต่เมื่อพิจารณาจากการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน การจัดเก็บรายได้ก็ไม่ได้หายไปมาก
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 17มกราคม 2558