?ลุ้น 4 สนามบิน ตั้งนิคมการบิน?
Posted: 21 Jan 2015, 09:31
?ลุ้น 4 สนามบิน ตั้งนิคมการบิน?
ลุ้น 4 สนามบิน โคราช-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา-กำแพงแสน ขึ้นแท่นนิคมอุตสาหกรรมอากาศยาน เร่งสรุปกลางเดือนก.พ.นี้ คาดโคราชเต็ง หลังมีพื้นที่เยอะ
นายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอากาศยานและศูนย์ซ่อมอากาศยาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้คัดเลือก 4 พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอากาศยาน คือ สนามบินอู่ตะเภา สนามบินสุวรรณภูมิ โรงเรียนการบินกำแพงแสน และสนามบินนครราชสีมา และหลังจากนี้จะคัดเลือกเหลือเพียงแห่งเดียวในช่วงกลางเดือนก.พ.นี้ เพื่อเสนอให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม และ ครม.รับทราบ เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการศึกษารูปแบบและแนวทางการลงทุนต่อไป
“ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่สำรวจทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งพื้นที่ของกองทัพเรือ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง ของบริษัทท่าอากาศยานไทย กองบิน 4 อ. ตาคลี จ.นครสวรรค์ โรงเรียนการบินกำแพงแสน พื้นที่ของกองทัพอากาศ และท่าอากาศยานนครราชสีมา โดยผลปรากฏว่ามีพื้นที่ 2 แห่งที่ไม่สามารถนำมาพิจารณาได้คือสนามบินดอนเมือง เพราะใช้พื้นที่เต็มหมดแล้ว ส่วนกองบิน 4 (ตาคลี) เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมมาก แต่ต้องสงวนไว้เป็นพื้นที่ความมั่นคง”
สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกพื้นที่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมการบินของไทย จะพิจารณาการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ท่าอากาศยานปัจจุบัน พื้นที่ว่างและแผนใช้ประโยชน์ในอนาคต ความพร้อมของระบบสาธารณูปโภค ข้อจำกัดการจราจรทางอากาศ โอกาสเวนคืนที่ดินรอบสนามบิน ความสามารถในการสร้างทางวิ่งและทางขับสำรองสำหรับเครื่องบินซ่อมบำรุงในอนาคต มีความยาวของรันเวย์ที่เพียงพอคือ 2,100 เมตร
นายวรเดช กล่าวว่า พื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ 4 แห่ง จะเปรียบเทียบผลดี และเสีย ของแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย พื้นที่ท่าอากาศยานนครราชสีมา มีความเหมาะสม เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านความมั่นคง มีพื้นที่ทั้งหมด 4,625 ไร่ เป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ ที่มอบให้กรมการบินพลเรือน ประกอบกิจการด้านการบิน และยังมีพื้นที่ว่างอีก 1,300 ไร่ ที่สำคัญยังขยายไปยังพื้นที่ของกรมป่าไม้ที่ว่างฝั่งตรงข้ามอีกกว่า 10,000 ไร่ แต่ข้อเสียจะต้องลงทุนด้านสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
ส่วนสนามบินสุวรรณภูมิมีพื้นที่ว่าง 700 ไร่ มีข้อจำกัดที่ระยะหางจากรันเวย์มากเกิน สนามบินอู่ตะเภา มีพื้นที่ศูนย์ซ่อมอากาศยานของบริษัทการบินไทย 150ไร่ และมีพื้นที่ว่างโดยรอบอีก 110 ไร่ สามารถต่อยอดเป็นนิคมอุตสาหกรรมอากาศยานได้ อีกทั้งมีความพร้อมของพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ต้องแบ่งพื้นที่เชิงพาณิชย์กับความมั่นคงให้ชัดเจน สนามบินโรงเรียนการบินกำแพงแสน มีพื้นที่ติดกับรันเวย์ 300–400 เมตร แต่เป็นหลุมบ่อเพราะมีการขุดหน้าดินไป
“สนามบินนครราชสีมาเหมาะสมมากที่สุด แต่สนามบินอู่ตะเภา จะเป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 และมีแผนพัฒนาเป็นศูนย์การขนส่งสินค้า และหากจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมและศูนย์ซ่อมอากาศยานจะทำให้ทั้ง 3 กิจกรรมสามารถเชื่อมโยงและสนับสนุนให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบได้ และมีแผนการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ รถไฟความเร็วสูงและเชื่อมต่อกับแอร์พอร์ตลิงค์ในอนาคตด้วย”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 20 มกราคม 2558
ลุ้น 4 สนามบิน โคราช-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา-กำแพงแสน ขึ้นแท่นนิคมอุตสาหกรรมอากาศยาน เร่งสรุปกลางเดือนก.พ.นี้ คาดโคราชเต็ง หลังมีพื้นที่เยอะ
นายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอากาศยานและศูนย์ซ่อมอากาศยาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้คัดเลือก 4 พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมอากาศยาน คือ สนามบินอู่ตะเภา สนามบินสุวรรณภูมิ โรงเรียนการบินกำแพงแสน และสนามบินนครราชสีมา และหลังจากนี้จะคัดเลือกเหลือเพียงแห่งเดียวในช่วงกลางเดือนก.พ.นี้ เพื่อเสนอให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม และ ครม.รับทราบ เพื่อนำไปสู่ขั้นตอนการศึกษารูปแบบและแนวทางการลงทุนต่อไป
“ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่สำรวจทั้ง 6 แห่ง ประกอบด้วย สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งพื้นที่ของกองทัพเรือ สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง ของบริษัทท่าอากาศยานไทย กองบิน 4 อ. ตาคลี จ.นครสวรรค์ โรงเรียนการบินกำแพงแสน พื้นที่ของกองทัพอากาศ และท่าอากาศยานนครราชสีมา โดยผลปรากฏว่ามีพื้นที่ 2 แห่งที่ไม่สามารถนำมาพิจารณาได้คือสนามบินดอนเมือง เพราะใช้พื้นที่เต็มหมดแล้ว ส่วนกองบิน 4 (ตาคลี) เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมมาก แต่ต้องสงวนไว้เป็นพื้นที่ความมั่นคง”
สำหรับหลักเกณฑ์การคัดเลือกพื้นที่จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมการบินของไทย จะพิจารณาการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ท่าอากาศยานปัจจุบัน พื้นที่ว่างและแผนใช้ประโยชน์ในอนาคต ความพร้อมของระบบสาธารณูปโภค ข้อจำกัดการจราจรทางอากาศ โอกาสเวนคืนที่ดินรอบสนามบิน ความสามารถในการสร้างทางวิ่งและทางขับสำรองสำหรับเครื่องบินซ่อมบำรุงในอนาคต มีความยาวของรันเวย์ที่เพียงพอคือ 2,100 เมตร
นายวรเดช กล่าวว่า พื้นที่ที่มีความเป็นไปได้ 4 แห่ง จะเปรียบเทียบผลดี และเสีย ของแต่ละพื้นที่ ประกอบด้วย พื้นที่ท่าอากาศยานนครราชสีมา มีความเหมาะสม เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านความมั่นคง มีพื้นที่ทั้งหมด 4,625 ไร่ เป็นพื้นที่ของกรมป่าไม้ ที่มอบให้กรมการบินพลเรือน ประกอบกิจการด้านการบิน และยังมีพื้นที่ว่างอีก 1,300 ไร่ ที่สำคัญยังขยายไปยังพื้นที่ของกรมป่าไม้ที่ว่างฝั่งตรงข้ามอีกกว่า 10,000 ไร่ แต่ข้อเสียจะต้องลงทุนด้านสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก
ส่วนสนามบินสุวรรณภูมิมีพื้นที่ว่าง 700 ไร่ มีข้อจำกัดที่ระยะหางจากรันเวย์มากเกิน สนามบินอู่ตะเภา มีพื้นที่ศูนย์ซ่อมอากาศยานของบริษัทการบินไทย 150ไร่ และมีพื้นที่ว่างโดยรอบอีก 110 ไร่ สามารถต่อยอดเป็นนิคมอุตสาหกรรมอากาศยานได้ อีกทั้งมีความพร้อมของพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวก แต่ต้องแบ่งพื้นที่เชิงพาณิชย์กับความมั่นคงให้ชัดเจน สนามบินโรงเรียนการบินกำแพงแสน มีพื้นที่ติดกับรันเวย์ 300–400 เมตร แต่เป็นหลุมบ่อเพราะมีการขุดหน้าดินไป
“สนามบินนครราชสีมาเหมาะสมมากที่สุด แต่สนามบินอู่ตะเภา จะเป็นสนามบินพาณิชย์แห่งที่ 3 และมีแผนพัฒนาเป็นศูนย์การขนส่งสินค้า และหากจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมและศูนย์ซ่อมอากาศยานจะทำให้ทั้ง 3 กิจกรรมสามารถเชื่อมโยงและสนับสนุนให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบได้ และมีแผนการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ รถไฟความเร็วสูงและเชื่อมต่อกับแอร์พอร์ตลิงค์ในอนาคตด้วย”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 20 มกราคม 2558