Page 1 of 1

KTAM เตรียมพร้อมออกกองทุนอินฟราฯ โรงไฟฟ้า ตั้งเป้าจับมือแบงก

Posted: 21 Jan 2015, 14:09
by brid.ladawan
KTAM เตรียมพร้อมออกกองทุนอินฟราฯ โรงไฟฟ้า ตั้งเป้าจับมือแบงก์แม่ขยายฐานลูกค้าต่อเนื่อง


KTAM วางกลยุทธ์ปี 58 เน้นการเติบโตทุกกลุ่ม ตั้งเป้า AUM โต 687,000 ล้านบาท ยึดอันดับที่ 3 ในอุตสาหกรรมไว้ เตรียมออกกองทุนอินฟราฯ โรงไฟฟ้า ขนาด 20,000 ล้าน และกองทุนในต่างประเทศ รับดีมานด์นักลงทุน และเน้นทำงานแบงก์กรุงไทยมากขึ้นต่อเนื่องในการขยายฐานลูกค้า

นายวีระ วุฒิคงศิริกูล รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด เปิดเผยถึงการลงทุนในปี 2558 ว่า จากการที่เฟดมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ไม่น่าจะมีผลต่อเรื่องเงินทุนไหลออกมากนัก แต่ไม่น่าจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็ว เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังไม่ถือว่าดีมาก ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปอาจได้รับปัจจัยบวกจากการที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ลอยตัวค่าเงินทำให้เงินยูโรอ่อนค่า แต่ในปีนี้ในกลุ่มยูโรอาจจะมีการทำ QE อีกครั้งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งญี่ปุ่น และจีนที่เริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน

ดังนั้น ในปีนี้ทาง บลจ.กรุงไทยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มเอเชียเหนือที่มองว่าราคาถูกและเศรษฐกิจมีแนวโน้มการเติบโตจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

“ในปี 2558 การลงทุนน่าจะมีความผันผวนสูงกว่าปีที่ผ่านมา จากนโยบายทางการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักที่มีความแตกต่างกัน และความเสี่ยงจากปัญหาของประเทศรัสเซียซึ่งถือเป็นคู่ค้าหลักของกลุ่มยุโรปจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดการเงิน ทั้งตลาดอัตราแลกเปลี่ยน พันธบัตร ตลาดหุ้น และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เกิดการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุน ซึ่งน่าจะมีการปรับตัวผันผวนตลอดทั้งปี ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงกลางปี 2557 ที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและประเทศผู้นำเข้า และส่งผลต่อเนื่องไปยังราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ โดยเฉพาะราคาพืชผลทางการเกษตรในปีนี้ก็น่าจะได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วย ดังนั้น การลงทุนในตลาดหุ้นปีนี้ก็คงต้องมาวิเคราะห์ถึงผลกระทบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมใดได้รับผลกระทบไปในทางใดบ้าง”

นายสมชัย อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิจัย เปิดเผยถึงเศรษฐกิจไทยในปี 2558 ว่า บลจ.กรุงไทยคาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้ที่ระดับ 5% ในปีนี้ เป็นการเติบโตที่มาจากฐานที่ต่ำของปีที่ผ่านมา และมีปัจจัยหนุนจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ขณะที่ราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้ทาง กนง.ไม่น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงครึ่งปีแรกนี้ โดยจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.0% ตลอดครึ่งแรกของปีนี้ จึงมองไปที่ช่วงครึ่งปีหลังที่ราคาน้ำมันน่าจะปรับเพิ่มขึ้น และมีผลต่อเงินเฟ้อที่ปรับขึ้นตาม เป็นปัจจัยที่กดดันให้ กนง.อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงไตรมาสที่ 3-4

“ปัจจัยที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจแท้จริงคือการใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งอัตราการเบิกจ่ายน่าจะดีขึ้นกว่า 89% ที่ทำได้ในปีก่อน มาตรการกระตุ้นที่ออกมาในช่วงก่อนหน้านี้น่าจะเริ่มเห็นเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงปีใหม่นี้ งบประมาณที่ค้างอยู่ก็น่าจะมีการใช้จ่ายให้เห็นในปีนี้ ทำให้โดยรวมทั้งปีเศรษฐกิจไทยน่าจะเติบโตได้ถึง 5% แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะมีแนวโน้มลดต่ำลงในช่วงต้นปีนี้ โดยคาดเงินเฟ้อในปีนี้เฉลี่ยไม่ถึง 1.0% แต่สาเหตุมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเป็นหลัก ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของนโยบายการเงินไทย”

ส่วนแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ในปี 2558 บริษัทมองตลาดเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงครึ่งปีแรกคาดว่าอัตราผลตอบแทนมีแนวโน้มปรับตัวลดลงหรือแกว่งตัวในช่วงแคบตามสภาพคล่องที่ล้นตลาดจากกระแสเงินลงทุนที่ย้ายเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้เพื่อลดความเสี่ยง และช่วงครึ่งปีหลังหากเศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นคาดว่าอัตราผลตอบแทนมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เริ่มปรับเพิ่มเข้าสู่ระดับปกติ (Normalization) หลังจากเงินเฟ้อกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น และกระแสเงินลงทุนเริ่มเคลื่อนย้ายไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอัตราผลตอบแทนของตราสารระยะยาว

ตั้งเป้า AUM แตะ 6.87 แสนล้าน

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทตั้งมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ไว้ที่ 687,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ประมาณ 92,000 ล้านบาท หรือประมาณ 15% โดยจะเพิ่มขึ้นจากนักลงทุนทั่วไปประมาณ 80% และ 20% เพิ่มจากนักลงทุนสถาบัน และตั้งเป้าที่จะรักษาการเติบโตที่อันดับที่ 3 ในอุตสาหกกรม

โดยในปีนี้จะเน้นออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นต่อเนื่องเพราะในปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากนักลงทุนจำนวนมาก โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ กรุงไทยธนทรัพย์พลัส (KTPLUS) ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมากจากในปี 2556 ที่มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 624 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 29,178 ล้านบาทในปี 2557 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 4,570%

โดยในปีนี้จะเน้นการเติบโตมากขึ้นทั้งในส่วนกองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมทั้งเตรียมที่จะออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้าพระนครเหนือชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มูลค่าโครงการประมาณ 20,000 ล้านบาท และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มเอราวัณ มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท รวมไปถึงกองทุนหุ้นต่างประเทศ ขณะเดียวกันจะทำงานร่วมกับทางแบงก์มากขึ้นในการขยายฐานลูกค้าให้เติบโต

“ในปีนี้บริษัทจะเน้นการเป็นบริษัทจัดการที่มีผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายให้ลูกค้าที่เลือกลงทุนตามความเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อเป็นการบริหารพอร์ตการลงทุนให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี (Asset Allocation) โดยจะแนะนำเรื่องการกระจายการลงทุนในแต่ละสถานการณ์ทั้งการลงทุนทั้งในและต่างประเทศผ่านช่องทางต่างๆ ของบริษัท เพื่อให้นักลงทุนได้รับทราบถึงสถานการณ์ในแต่ละขณะว่าควรจะมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไรเพื่อเป็นโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดี”

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 19 มกราคม 2558