‘แซดทีอี’ เปิดตัว ‘เบลด เอส 6’ ชูสเปกคุ้มราคา-ขายในไทย มี.ค
Posted: 10 Feb 2015, 16:37
‘แซดทีอี’ เปิดตัว ‘เบลด เอส 6’ ชูสเปกคุ้มราคา-ขายในไทย มี.ค.
“แซดทีอี”(ZTE) ก็ถือเป็นโทรศัพท์มือถือสัญชาติจีนอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง ล่าสุดได้เชิญสื่อมวลชนจากประเทศไทย ร่วมกับสื่อมวลชนจากมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย และรัสเซีย
ไทยกำลังมาแรง ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ เปิดตัวรุ่นใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่น่าจับตามองก็คือสมาร์ทโฟนจากจีนหลาย ๆ รายได้เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง จนทำให้ยอดขายของเจ้าตลาดจากแดนกิมจิ มีอาการแกว่งได้เหมือนกัน
เมื่อเทียบสเปกกับราคาความคุ้มค่าที่ต้องจ่ายไป ประกอบกับปัจจุบันเรื่องคุณภาพสินค้าและการผลิต แบรนด์จากจีนก็พัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
“แซดทีอี”(ZTE) ก็ถือเป็นโทรศัพท์มือถือสัญชาติจีนอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง ล่าสุดได้เชิญสื่อมวลชนจากประเทศไทย ร่วมกับสื่อมวลชนจากมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย และรัสเซียเดินทางไปร่วมเปิดตัว สมาร์ทโฟนแซดทีอี ภายใต้แบรนด์ เบลด (Blade) รุ่น S6 (เอส 6) ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และเยี่ยมชมสำนักงานงานใหญ่ของแซดทีอี ที่เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน
แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น เป็นหนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคม อุปกรณ์เครือข่ายและเครื่องมือสื่อสารเคลื่อนที่รายใหญ่ของโลก ผลิตทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โมเด็มและฮอตสปอตอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ ซึ่งในส่วนของโทรศัพท์มือถือนั้นก็ถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก
สิ่งที่แซดทีอีให้ความสำคัญก็คือเรื่อง การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยได้ใช้งบลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากกว่า 10% ของรายได้รวมในแต่ละปี และมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 18 แห่ง กระจายตัวอยู่ในจีนและทั่วภูมิภาคของโลก พร้อมมีพนักงานและบุคลากรที่เชี่ยวชาญทำงานด้านวิจัยกว่า 3 หมื่นคน ถือเป็นผู้ผลิตที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรภายใต้สนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร (Patent Cooperation Treaty: PCT) มากที่สุด จากการจัดอันดับโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (The World Intellectual Property Organization:WIPO) ในปี 2555 และ 2556
ทั้งนี้ภายในสำนักงานใหญ่มีการนำไลน์ผลิตภัณฑ์มาจัดแสดง ทั้งโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์โทรคมนาคม เครือข่ายและโซลูชั่นต่าง ๆ นอกจากนี้ียังมีพื้นที่ของโรงงานผลิต และแล็บที่ใช้ทดสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานด้วย
สำหรับการเปิดตัว “แซดทีอี เบลด เอส 6” งานจัดขึ้นที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ถือเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ราคาประหยัด เมื่อเทียบสเปกที่ให้มากับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่าน่าใช้อีกหนึ่งรุ่น จับกลุ่มเป้าหมายเป็นหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.0 หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว ความละเอียดแบบเอชดี ชิพเซตรุ่นใหม่ ควอลคอมม์ สเนปดราก้อน 615 (Qualcomm Snapdragon 615 ) ซึ่งเป็นชิพอเนกประสงค์ แบบ 8 แกนรวมชิพประมวลผลกราฟิกไว้แล้ว ถือเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ โลลิป๊อปรุ่นแรกของโลกที่ใช้ชิพเซตนี้ ส่วนแรม 2GB หน่วยความจำ 16GB ขณะที่กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ใช้โซนี่ IMX214 ความคมชัดสูงระดับอัลตร้าไฮเดฟฟินิชั่นเทียบเท่ากล้องเอสแอลอาร์ และรองรับ 4 จี แอลทีอี ส่วนระบบเสียงแบบ ไฮ-ไฟ ( Hi-Fi) กรอบหน้าจอบางเพียง 2 มิลลิเมตร
ในขณะที่ ระบบ MiFavor เวอร์ชั่น 3.0 ของแซดทีอี ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานให้เหมาะสมและตรงตามความต้องการต่าง ๆ เฉพาะบุคคลได้ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับไว-ไฟ และบลูทูธ 4.0 ขนาดตัวเครื่องบาง 7.7 มิลลิเมตร แบตเตอรี่ขนาด 2,400 mAh มีสองสี คือ เงิน และชมพู ส่วนคุณสมบัติพิเศษได้แก่ เทคโนโลยีสมาร์ทเซนส์ (Smart Sense) ควบคุมการทำงานของเครื่องผ่านการเคลื่อนไหวรูปแบบต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน เช่น การเปิดไฟฉายด้วยการสะบัดข้อมือ การเปิดแอพพลิเคชั่นกระจกซึ่งติดตั้งมาในตัวเครื่อง ถ่ายภาพ เปิดเพลง และใช้งานอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ระบบมายเฟเวอร์ (MiFavor) เวอร์ชั่น 3.0 และแอพพลิเคชั่นอไลฟ์แชร์ (AliveShare) ของแซดทีอี ที่ผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์ต่าง ๆ ได้แม้ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายการสื่อสารใด ๆ ทางแซดทีอีตั้งราคาขายปลีกไว้ที่ 249.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,130 บาท)
นายอดัม เจิง เซวยจง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น และประธานเจ้าหน้าที่บริษัท แซดทีอี โมบาย ดีไวซ์ กล่าวว่า ในปีที่แล้ว แซดทีอีสามารถทำยอดขายโทรศัพท์มือถือได้ 48 ล้านเครื่องทั่วโลก ในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 60 ล้านเครื่อง ซึ่งในส่วนของเบลด ซีรีส์ ที่ผ่านมาก็สามารถทำยอดขายให้แซดทีอีได้มากถึง 20 ล้านเครื่องทั่วโลก
ด้านนายแจ็กกี้ จาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช บริษัท แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า สำหรับในประเทศไทย แซดทีอีจะเน้นการทำตลาดร่วมกับโอปเรเตอร์ต่าง ๆ สร้างการรับรู้ในผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภค จัดกิจกรรมการตลาด พัฒนาบริการหลังการขาย โดยประเทศไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญของแซดทีอีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายเบลด เอส6 ที่ได้เปิดตัวไว้ที่ 3 แสนเครื่อง ซึ่งทางแซดทีอีได้เตรียมงบประมาณการตลาดในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ขณะที่ นายเจรามี่ เชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่นับรวมประเทศอินโดนีเซีย ที่มีจำนวนประชากรมากกว่า โดยในปีที่แล้วตลาดรวมสมาร์ทโฟนในไทยมีจำนวน 11 ล้านเครื่อง แซดทีอีสามารถทำยอดขายรวมในไทยได้จำนวน 1.1 ล้านเครื่อง มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% เป็นผู้นำอันดับ 4 ของตลาด สำหรับปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมไว้ที่ 2.5 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 15-18% เน้นการทำตลาดร่วมกับโอปเรเตอร์ คือ ดีแทค และร้านค้าปลีกไอที คือ เจมาร์ท และทีจีโฟน โดยใช้งบการตลาดจากงบรวมของภูมิภาคฯ ที่ตั้งไว้ประมาณ 15-20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงเดือน มี.ค.นี้ ส่วนราคาขายปลีกในไทยยังไม่กำหนด
ใครที่อยากใช้สมาร์ทโฟนคุณภาพคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายไป แซดทีอีถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ควรพิจารณา.
จิราวัฒน์ จารุพันธ์
JirawatJ@dailynews.co.th
ที่มา เดลินิวส์
วันที่10 ก.พ 2558
“แซดทีอี”(ZTE) ก็ถือเป็นโทรศัพท์มือถือสัญชาติจีนอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง ล่าสุดได้เชิญสื่อมวลชนจากประเทศไทย ร่วมกับสื่อมวลชนจากมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย และรัสเซีย
ไทยกำลังมาแรง ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ เปิดตัวรุ่นใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่น่าจับตามองก็คือสมาร์ทโฟนจากจีนหลาย ๆ รายได้เริ่มเข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง จนทำให้ยอดขายของเจ้าตลาดจากแดนกิมจิ มีอาการแกว่งได้เหมือนกัน
เมื่อเทียบสเปกกับราคาความคุ้มค่าที่ต้องจ่ายไป ประกอบกับปัจจุบันเรื่องคุณภาพสินค้าและการผลิต แบรนด์จากจีนก็พัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
“แซดทีอี”(ZTE) ก็ถือเป็นโทรศัพท์มือถือสัญชาติจีนอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้เข้ามาทำตลาดในไทยอย่างจริงจัง ล่าสุดได้เชิญสื่อมวลชนจากประเทศไทย ร่วมกับสื่อมวลชนจากมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย อินเดีย และรัสเซียเดินทางไปร่วมเปิดตัว สมาร์ทโฟนแซดทีอี ภายใต้แบรนด์ เบลด (Blade) รุ่น S6 (เอส 6) ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง และเยี่ยมชมสำนักงานงานใหญ่ของแซดทีอี ที่เมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน
แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น เป็นหนึ่งในผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคม อุปกรณ์เครือข่ายและเครื่องมือสื่อสารเคลื่อนที่รายใหญ่ของโลก ผลิตทั้งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โมเด็มและฮอตสปอตอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่ ซึ่งในส่วนของโทรศัพท์มือถือนั้นก็ถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก
สิ่งที่แซดทีอีให้ความสำคัญก็คือเรื่อง การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยได้ใช้งบลงทุนในการวิจัยและพัฒนามากกว่า 10% ของรายได้รวมในแต่ละปี และมีศูนย์วิจัยและพัฒนา 18 แห่ง กระจายตัวอยู่ในจีนและทั่วภูมิภาคของโลก พร้อมมีพนักงานและบุคลากรที่เชี่ยวชาญทำงานด้านวิจัยกว่า 3 หมื่นคน ถือเป็นผู้ผลิตที่ยื่นขอจดสิทธิบัตรภายใต้สนธิสัญญาความร่วมมือด้านสิทธิบัตร (Patent Cooperation Treaty: PCT) มากที่สุด จากการจัดอันดับโดยองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (The World Intellectual Property Organization:WIPO) ในปี 2555 และ 2556
ทั้งนี้ภายในสำนักงานใหญ่มีการนำไลน์ผลิตภัณฑ์มาจัดแสดง ทั้งโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์โทรคมนาคม เครือข่ายและโซลูชั่นต่าง ๆ นอกจากนี้ียังมีพื้นที่ของโรงงานผลิต และแล็บที่ใช้ทดสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานด้วย
สำหรับการเปิดตัว “แซดทีอี เบลด เอส 6” งานจัดขึ้นที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ถือเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ราคาประหยัด เมื่อเทียบสเปกที่ให้มากับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่าน่าใช้อีกหนึ่งรุ่น จับกลุ่มเป้าหมายเป็นหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.0 หน้าจอขนาด 5.0 นิ้ว ความละเอียดแบบเอชดี ชิพเซตรุ่นใหม่ ควอลคอมม์ สเนปดราก้อน 615 (Qualcomm Snapdragon 615 ) ซึ่งเป็นชิพอเนกประสงค์ แบบ 8 แกนรวมชิพประมวลผลกราฟิกไว้แล้ว ถือเป็นสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ โลลิป๊อปรุ่นแรกของโลกที่ใช้ชิพเซตนี้ ส่วนแรม 2GB หน่วยความจำ 16GB ขณะที่กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ใช้โซนี่ IMX214 ความคมชัดสูงระดับอัลตร้าไฮเดฟฟินิชั่นเทียบเท่ากล้องเอสแอลอาร์ และรองรับ 4 จี แอลทีอี ส่วนระบบเสียงแบบ ไฮ-ไฟ ( Hi-Fi) กรอบหน้าจอบางเพียง 2 มิลลิเมตร
ในขณะที่ ระบบ MiFavor เวอร์ชั่น 3.0 ของแซดทีอี ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานให้เหมาะสมและตรงตามความต้องการต่าง ๆ เฉพาะบุคคลได้ง่าย ๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับไว-ไฟ และบลูทูธ 4.0 ขนาดตัวเครื่องบาง 7.7 มิลลิเมตร แบตเตอรี่ขนาด 2,400 mAh มีสองสี คือ เงิน และชมพู ส่วนคุณสมบัติพิเศษได้แก่ เทคโนโลยีสมาร์ทเซนส์ (Smart Sense) ควบคุมการทำงานของเครื่องผ่านการเคลื่อนไหวรูปแบบต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน เช่น การเปิดไฟฉายด้วยการสะบัดข้อมือ การเปิดแอพพลิเคชั่นกระจกซึ่งติดตั้งมาในตัวเครื่อง ถ่ายภาพ เปิดเพลง และใช้งานอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ระบบมายเฟเวอร์ (MiFavor) เวอร์ชั่น 3.0 และแอพพลิเคชั่นอไลฟ์แชร์ (AliveShare) ของแซดทีอี ที่ผู้ใช้สามารถแชร์ไฟล์ต่าง ๆ ได้แม้ไม่ได้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายการสื่อสารใด ๆ ทางแซดทีอีตั้งราคาขายปลีกไว้ที่ 249.99 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,130 บาท)
นายอดัม เจิง เซวยจง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น และประธานเจ้าหน้าที่บริษัท แซดทีอี โมบาย ดีไวซ์ กล่าวว่า ในปีที่แล้ว แซดทีอีสามารถทำยอดขายโทรศัพท์มือถือได้ 48 ล้านเครื่องทั่วโลก ในปีนี้ได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 60 ล้านเครื่อง ซึ่งในส่วนของเบลด ซีรีส์ ที่ผ่านมาก็สามารถทำยอดขายให้แซดทีอีได้มากถึง 20 ล้านเครื่องทั่วโลก
ด้านนายแจ็กกี้ จาง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช บริษัท แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า สำหรับในประเทศไทย แซดทีอีจะเน้นการทำตลาดร่วมกับโอปเรเตอร์ต่าง ๆ สร้างการรับรู้ในผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภค จัดกิจกรรมการตลาด พัฒนาบริการหลังการขาย โดยประเทศไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญของแซดทีอีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยตั้งเป้าหมายยอดขายเบลด เอส6 ที่ได้เปิดตัวไว้ที่ 3 แสนเครื่อง ซึ่งทางแซดทีอีได้เตรียมงบประมาณการตลาดในภูมิภาคนี้เพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ขณะที่ นายเจรามี่ เชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ตลาดสมาร์ทโฟนในไทยถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่นับรวมประเทศอินโดนีเซีย ที่มีจำนวนประชากรมากกว่า โดยในปีที่แล้วตลาดรวมสมาร์ทโฟนในไทยมีจำนวน 11 ล้านเครื่อง แซดทีอีสามารถทำยอดขายรวมในไทยได้จำนวน 1.1 ล้านเครื่อง มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 10% เป็นผู้นำอันดับ 4 ของตลาด สำหรับปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมไว้ที่ 2.5 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 15-18% เน้นการทำตลาดร่วมกับโอปเรเตอร์ คือ ดีแทค และร้านค้าปลีกไอที คือ เจมาร์ท และทีจีโฟน โดยใช้งบการตลาดจากงบรวมของภูมิภาคฯ ที่ตั้งไว้ประมาณ 15-20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงเดือน มี.ค.นี้ ส่วนราคาขายปลีกในไทยยังไม่กำหนด
ใครที่อยากใช้สมาร์ทโฟนคุณภาพคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายไป แซดทีอีถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ควรพิจารณา.
จิราวัฒน์ จารุพันธ์
JirawatJ@dailynews.co.th
ที่มา เดลินิวส์
วันที่10 ก.พ 2558