Page 1 of 1

กรุงเทพประกันภัยบุกรายย่อย

Posted: 10 Feb 2015, 17:11
by brid.ladawan
กรุงเทพประกันภัยบุกรายย่อย
บ.กรุงเทพประกันภัยเพิ่มสัดส่วนรายย่อยอีก 10% พร้อมหันลุยตลาดอาเซียน มั่นใจดันรายได้ 2 หมื่นล้านในปี 59


นายชัย โสภณพณิช ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ บริษัทจะเน้นการทำตลาดเชิงรุก เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้ารายย่อยให้มากขึ้น ทั้งประกันภัยรถยนต์ ประกันอัคคีภัย และประกันภัยทรัพย์สิน โดยจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 75% ในอีก 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 65% และลดสัดส่วนประกันภัยภาคธุรกิจจาก 35% เหลือ 25% รวมถึงเข้าไปรับประกันภัยธุรกิจขนาดใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการเมกะโปรเจคของรัฐบาล ซึ่งปีนี้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีเบี้ยรับรวม 18,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10-12% จากปี 57 ที่เบี้ยรับรวมอยู่ที่ 16,300 ล้านบาท

“ปกติการเติบโตของบริษัทอยู่ที่ระดับ12-15% ต่อปี หรือมีเบี้ยประกันภัยเติบโตขึ้นทุกปี 2,000-3,000 ล้านบาท สอดคล้องกับอัตราการเติบโตด้านกำไรที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นการเติบโตมาจากทั้งการรับประกันภัย และการลงทุนแบ่งสัดส่วนกันแบบครึ่งต่อครึ่ง โดยปีนี้ครั้งแรกตั้งเป้าหมายเบี้ยรับรวมที่ 20,000 ล้านบาท แต่ปี 57 ที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้เบี้ยประกันโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ จึงเลื่อนเป้าหมายเบี้ยประกันภัย 20,000 ล้านบาทออกไปในปี 59”

สำหรับการลงทุนในตลาดอาเซียนนั้น ปัจจุบันบริษัทมีเครือข่ายการให้บริการในต่างประเทศในกัมพูชา ถือหุ้นสัดส่วน 28% อินโดนีเซีย 12% และฟิลิปปินส์ 12% ซึ่งรูปแบบจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น โดยอินโดนีเซียมีขนาดใหญ่สุดหรือมีเบี้ยประกันภัยต่อปี 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 600-700 ล้านบาท ขณะที่อีก 2 ประเทศที่เหลือเบี้ยประกันภัย200 กว่าล้านบาท

นอกจากนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการขอใบอนุญาตจัดตั้งบริษัทในประเทศลาว โดยเป็นการร่วมกับพันธมิตรหลัก 2 บริษัท ได้แก่เอเชีย อินชัวรันส์ ในฮ่องกง และเซ็นทรัล เอเชีย ในอินโดนีเซียรวมถึงพันธมิตรท้องถิ่นด้วย ซึ่งรูปแบบนั้นบริษัทจะถือหุ้น 30%และจะนำระบบแบล็กออฟฟิศ รวมถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทเข้าไปช่วยเสริมความแข็งแกร่ง คาดว่าขั้นตอนจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 58 โดยจะเน้นลูกค้าทั้งในลาวและไทยซึ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ และเอสเอ็มอีก่อน

ขณะเดียวกัน เตรียมแตกไลน์ธุรกิจไปในเวียดนามอีกครั้ง ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการทำธุรกิจในเวียดนาม คือการซื้อกิจการ โดยจะนำพันธมิตรจากฮ่องกง และอินโดนีเซียเข้าไปร่วมด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ และราคาที่เหมาะสม เบื้องต้นตั้งเป้าว่าทั้ง 3 บริษัทจะต้องถือหุ้นในสัดส่วนที่เกิน 50%

“การขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแต่ละประเทศมีปัญหาและข้อจำกัดแตกต่างกัน เช่น เมียนมาร์ต้องมีเงินกองทุนไม่น้อยกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,500 บาท ฟิลิปินส์ 7 ล้านดอกลลาร์สหรัฐจะเพิ่มเป็น 15 ล้านดอลลาร์ฯ ในอีก 5 ปี มาเลเซียจาก 3 ล้านดอลลาร์ฯ เป็น 50 ล้านดอลลาร์ในอีก 4 ปีทำให้การพิจารณาลงทุนต้องทำอย่างรอบคอบ”


ที่มา เดลินิวส์
วันที่10 ก.พ 2558