Page 1 of 1

ยาหอมมิตซูบิชีลงทุนรถอีวี

Posted: 10 Feb 2015, 18:03
by brid.ladawan
ยาหอมมิตซูบิชีลงทุนรถอีวี
ก.อุตสาหกรรมหว่านเสน่ห์ ชวน "มิตซูบิชิ" ลงทุนผลิตรถพลังงานไฟฟ้า หวังปั้นเป็นดาวรุ่งใน 5 ปี


นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า นายเทซีโระ ไอกาว่า ประธาน และซีอีโอ มิตซูบิชิมอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และคณะได้เข้าพบ โดยมิตซูบิชิยืนยันที่จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ เพื่อส่งออกเป็นหลัก ในสัดส่วนถึง 76% ของการผลิตทั้งหมดในไทย หรือกว่า 400,000 คัน คิดเป็นสัดส่วนการส่งออกไปทั่วโลก 24% ทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออก รายใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น ขณะที่มิตซูบิชิผลิตเพื่อขายในไทย 24% ด้วย

โดยในโอกาสนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้เชิญชวนให้มิตซูบิชิ ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เข้ามาลงทุนพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า (อีวี) ต่อยอดจากการผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน (อีโคคาร์) ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เป็นการผลักดันเป้าหมาย ที่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องการส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งในอนาคต

"เบื้องต้น ประเมินท่าทีความสนใจของมิตซูบิชิ ที่จะเข้ามาลงทุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในไทย ก็มีแนวโน้มที่ดี แต่เนื่องจากไทยยังไม่มีแนวทางส่งเสริมชัดเจนเท่าที่ควร ทำให้มิตซูบิชิต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าในการลงทุน เพราะรถยนต์ดังกล่าวมีราคาแพงกว่ารถยนต์ทั่วไป 1.5-2 เท่า จึงไม่ใช่เรื่องง่าย ประกอบกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการลงทุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ปัจจุบันเรียกเก็บอยู่ที่ 10% เทียบกับอัตราภาษีรถอีโคคาร์ ที่เรียกเก็บ 17% ถือว่าไม่แตกต่างกันมากนัก ทำให้ไม่จูงใจให้เข้ามาลงทุนมากพอ"

นายจักรมณฑ์กล่าวว่า เร็ว ๆ นี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะหารือ กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่ง ทั้งสิทธิประโยชน์การลงทุน มาตรการภาษี และเงื่อนไขอื่น ๆ ที่ดึงดูดผู้ประกอบการมากพอ จะเข้ามาลงทุนได้คุ้มค่า และเหมาะสม คาดจะส่งเสริมรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่งได้ภายใน 5 ปี นับจากนี้

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้า นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐอเมริกา ดังนั้นหากมิตซูบิชิสนใจเข้ามาลงทุน ส่วนใหญ่เชื่อว่าจะเป็นการการลงทุนเพื่อส่งออกเป็นหลัก 70%

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 10 ก.พ 2558