Page 1 of 1

พลิกกลยุทธ์ขายสินค้าบอกรัก ชิงเอาตัวรอดรับกำลังซื้อหด

Posted: 13 Feb 2015, 14:26
by brid.ladawan
พลิกกลยุทธ์ขายสินค้าบอกรัก ชิงเอาตัวรอดรับกำลังซื้อหด...

ไทยให้ความสำคัญกับเทศกาลวาเลนไทน์มากขึ้น แต่เพราะเงินในกระเป๋าที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้การใช้จ่ายต่อคนลดลง จนส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงผู้ประกอบการที่ขายของ

“ความรัก” กับ “มนุษย์” ถือเป็นของคู่กัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันชาวไทยต่างยึดถือเอาธรรมเนียมฝรั่ง อย่างการเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์ หรือเทศกาลแห่งความรัก ซึ่งตรงกับวันที่ 14 ก.พ. ของทุกปี ใช้เป็นวันที่แสดงออกซึ่งความรักแก่กันด้วยสารพัดวิธีอย่างยาวนาน จนทำให้บรรยากาศการจับจ่ายในช่วงดังกล่าวคึกคัก

สำหรับปีนี้แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจไม่ดีนัก แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นการฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ที่ถูกบรรยากาศการเมืองที่ร้อนระอุ บั่นทอนบรรยากาศการจับจ่ายของชาวไทยลงไป ซึ่งจากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า ในช่วงวาเลนไทน์ของคนกรุงเทพฯ ในปี 58 จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.2% ขณะที่การใช้จ่ายของแต่ละคนนั้นกลับลดลง โดยคาดว่าจะมีการใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 1,200 บาท ลดลงจากปี 56 และ 57 เฉลี่ยคนละเกือบ 100 บาท

ตัวเลขนี้...สะท้อนให้เห็นว่าคน

ไทยให้ความสำคัญกับเทศกาลวาเลนไทน์มากขึ้น แต่เพราะเงินในกระเป๋าที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้การใช้จ่ายต่อคนลดลง จนส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงผู้ประกอบการที่ขายของ ทำให้ต้องปรับแผนในทุกรูปแบบเพื่อความอยู่รอด

ขายดอกไม้ช่อเล็กลง

สินค้ายอดฮิตอย่าง ดอกไม้ โดยเฉพาะ “ดอกกุหลาบ” ยังคงครองตำแหน่งไว้ได้เหมือนเคย “เรวัต จินดาพล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิส ลิลลี่ ฟลาวเวอร์ ผู้ดำเนินธุรกิจบริการจัดดอกไม้แบรนด์มิสลิลลี่ ประเมินว่า การนำเข้าดอกไม้ในช่วงนี้น่าจะเติบโตได้แค่ 10%

“ยังไงคนก็ยังเลือกซื้อดอกไม้ให้กัน เพียงแต่อาจเลือกซื้อดอกไม้ที่มีราคาต่ำลงมาหน่อยหรือซื้อน้อยลง ปีนี้ราคาดอกไม้แพงขึ้นเท่าตัวตามราคาตลาดโลก จึงต้องมาวัดความสามารถของผู้ประกอบการว่าจะปรับตัว เพื่อความอยู่รอดกันได้มากเพียงใด เพราะปีก่อนหลายรายปรับตัวไม่ทันก็ต้องปิดกิจการไป”

สำหรับมิส ลิลลี่นั้น เตรียมจัดโปรโมชั่นไว้มอบแก่ลูกค้าด้วยการปรับขนาดช่อดอกไม้ให้เล็กลงเพื่อทำราคาลงมาให้เข้าถึงง่ายขึ้น เช่นการจัดช่อขนาด 3 ดอก และ 6 ดอก ราคาเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท จากอดีตที่ขายตั้งแต่ 9 ดอกขึ้นไป ในราคา 4,000–5,000 บาท ซึ่งเป็นระดับที่ขายได้ยากในขณะนี้ พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายจะมีรายได้เพิ่มขึ้นในวันวาเลนไทน์ประมาณ 5-10% หรือ รักษายอดขายได้เท่ากับปีที่ผ่านมาที่ 1,000 ช่อ ก็ถือว่าน่าพอใจ

สร้างสีสันกระตุ้นคนซื้อ

“ช็อกโกแลต” อีกหนึ่งสินค้าที่คนนิยมมอบให้กันในวันแห่งความรักและเชื่อว่ายังได้รับความนิยม โดยปีนี้จะเห็นหลายแบรนด์ออกมาทำการตลาดกันอย่างคึกคัก เริ่มตั้งแต่การออกมาจัดโปรโมชั่น ผลิตสินค้าพิเศษ รวมไปถึงการเปิดคอร์สสอนทำช็อกโกแลตเองกับมือ เช่นเดียวกับร้านช็อกโกแลตเมลทมี “พิชชา ประกายเลิศลักษณ์” กรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด เล่าให้ฟังว่า ปีนี้มีกิจกรรมพิเศษ เพื่อเอาใจลูกค้าที่ต้องการมอบช็อกโกแลตที่ทำด้วยตัวเองให้แก่คนรัก เพื่อสร้างสีสันและกระตุ้นให้ลูกค้ามาเลือกซื้อสินค้ามากขึ้น พร้อมได้จัดบูธออกขายสินค้าเพิ่มเติมต่างหากอีก 8 จุด จากปกติที่มีร้านสาขาทั้งสิ้น 8 แห่ง เพื่อรองรับกับปริมาณการซื้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วเพิ่มขึ้นกว่า 50% หรือเป็นยอดบิลเฉลี่ยประมาณ 1,500 บาท เพราะเชื่อว่าปีนี้จะคึกคัก

ลูกค้าตุ๊กตาหายหน้า

ด้าน ตุ๊กตา อีกหนึ่งสินค้ายอดฮิตที่นิยมมอบให้แก่กันนั้น จากการลงสำรวจตลาดค้าส่งสินค้าย่านสำเพ็งพบว่า บรรยากาศการหาซื้อสินค้าเพื่อนำไปจำหน่ายในเทศกาลวาเลนไทน์ปีนี้ยังเงียบเหงา บางร้านแทบจะไม่มีลูกค้าเข้ามาหาซื้อสินค้าเลย ซึ่งเมื่อสอบถามแม่ค้าจำหน่ายตุ๊กตารายหนึ่ง ทราบว่า ปกติลูกค้าจะมาหาซื้อตุ๊กตาเพื่อไปจำหน่ายตั้งแต่หลังเทศกาลปีใหม่ แต่ปีนี้จนปัจจุบันยังมีลูกค้าเข้ามาสั่งสินค้ากันน้อยมาก โดยเฉพาะลูกค้าต่างจังหวัดที่เป็นลูกค้าประจำกลับหายหน้าหายตาไปหลายราย เพราะบางรายก็เปลี่ยนไปจำหน่ายสินค้าชนิดอื่นที่เป็นที่นิยมมากกว่าแทน หรือบางรายที่ขายไม่ออกค้างสต๊อกไว้ตั้งแต่ปีใหม่ จนทำให้คาดว่ารายได้ในช่วงวาเลนไทน์ปีนี้น่าจะหายไปถึง 50%

หินสีเสริมโชคมาแรง

นอกจากนี้ยังมี “หินสีเสริมโชค” สินค้ามาแรงแซงโค้งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย เพราะเป็นกระแสที่ดังมาพักหนึ่งแล้ว หากสังเกตให้ดีจะพบว่ามีขายแทบทุกที่ตั้งแต่ร้านหรู, แบกะดิน ไปจนถึงร้านค้าออนไลน์ ซึ่งจากการพูดคุยกับ “อริสรา ธนูแผลง” แม่ค้าหินสีออนไลน์ซูเอเต้ฯ เล่าให้ฟังว่า หินสีนี้ขายดีมาตั้งแต่ในช่วงปลายปีก่อนแล้ว ซึ่งจากกระแสนิยมดังกล่าวทำให้ผันตัวเองจากผู้ซื้อ มาเป็นผู้ขายเสียเอง ซึ่งก็ประสบความสำเร็จมาก

“ก่อนหน้านี้ขายได้เดือนละ 300 กว่าเส้น ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อย แต่พอใกล้วาเลนไทน์ เริ่มมีออร์เดอร์สินค้ามามากขึ้น 20-30% จากที่เคยขายแต่ลูกค้าผู้หญิงวัยทำงานประมาณ 95% เริ่มมีหนุ่ม ๆ มาซื้อไปเป็นของขวัญให้แฟนมากขึ้น ทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเยอะมาก”

ส่วนหินสียอดนิยม...แน่นอนย่อมเป็นกลุ่มหินที่ช่วยเสริมในด้านความรัก ทั้งสีชมพูและสีขาว และมีหลายระดับราคาขาย ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของลูกค้าแต่ละกลุ่มเป็นหลัก โดยคนที่มีกำลังซื้อน้อยอาจเลือกซื้อกลุ่มหินสี ที่มีราคาต่ำลงมาหน่อย ที่ราคาจำหน่ายของร้านก็มีให้เลือกตั้งแต่ 1,900 บาทไปถึง หลายหมื่นบาท และในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ จะมีโปรโมชั่นราคาพิเศษมอบให้ด้วย

จากภาวะเศรษฐกิจในเวลานี้ ที่ยังไม่รู้ว่าจะสามารถผงกหัวได้มากน้อยเพียงใด บรรดาภาคเอกชนจำเป็นต้องเอาตัวรอดเพื่อให้อยู่รอดต่อไปได้ ส่วนการพลิกกลยุทธ์ขายของจะได้ผลมากน้อยหรือไม่ คงต้องจับตาดูกันต่อไป!

พิชชาพร อยู่เลี้ยงพันธ์

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 13 ก.พ 2558