เงินสะพัดไทยเที่ยวไทย7แสนล้าน

[brid.ladawan]

เงินสะพัดไทยเที่ยวไทย7แสนล้าน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเผยปีแพะคนไทยเที่ยวในประเทศ 148.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7% ชี้รัฐอัดแคมเปญ-ลดหย่อนภาษีหนุน

รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยแจ้งว่า ปีนี้คาดว่าคนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ 148.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7% จากปี 57 ทำให้เม็ดเงินสะพัดไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในไทยมูลค่าประมาณ 7.72 แสนล้านบาท หรือขยายตัว 9.4% จากปี 57 ที่ผ่านมามีมูลค่า 7.05 แสนล้านบาท ขยายตัว 7% โดยแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยนิยมเดินทางคือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้

สำหรับปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของกลุ่มครอบครัว กลุ่มเพื่อน และกลุ่มองค์กรนอกเหนือจากการทำตลาดของผู้ประกอบการธุรกิจ เช่น สายการบิน โรงแรม และสถาบันการเงินแล้ว คนไทยยังได้รับอิทธิพลจากสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะการแบ่งปันรูปภาพและประสบการณ์ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวไปยังจังหวัดต่างๆ ของไทย

นอกจากนี้ภาครัฐมีการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวไทยภายใต้แคมเปญ “ปีท่องเที่ยววิถีไทย 58” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเน้นสถานที่ท่องเที่ยว 12 เมืองหลักต้องห้ามพลาด ประกอบด้วย ลำปาง น่าน เพชรบูรณ์ บุรีรัมย์ เลย สมุทรสงคราม ราชบุรี ตราด จันทบุรี ชุมพร ตรัง และนครศรีธรรมราช จึงเป็นแรงหนุนตลาดไทยเที่ยวไทย คาดว่าแคมเปญดังกล่าวทำให้เม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้น 3,500 ล้านบาท ทั้งการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายระหว่างการเดินทางส่งผลดีต่อธุรกิจบริการด้านท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องในพื้นที่

ส่วนการออกมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของภาครัฐ ด้วยการนำค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ซึ่งครอบคลุม 2 ปีภาษี คือ ปี 57–58 สำหรับกลุ่มประชาชนทั่วไป สามารถนำค่าใช้จ่ายค่าแพ็คเกจทัวร์ในประเทศหรือค่าใช้จ่ายด้านที่พัก มาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ต้องไม่เกิน 15,000 บาทนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า มาตรการด้านภาษีช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศจากประชาชนทั่วไป และก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้น 3,800 ล้านบาท หากเทียบกับไม่มีมาตรการด้านภาษี

“ภาวะค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น อาจส่งผลต่อพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยบางกลุ่ม ให้มีการปรับแผนการเดินทาง เช่น การเดินทางแบบเช้าไป-เย็นกลับ การเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้ รวมถึงการใช้เวลาค้นหาข้อมูลต่างๆ มากขึ้น เพื่อแสวงหาโปรโมชั่นราคาค่าตั๋วเครื่องบินโดยสาร/ค่าห้องพัก เป็นต้น”


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 13 ก.พ 2558