Page 1 of 1

Apple Watch ส่อแววเจอปัญหาก่อนวางขาย หลังโดนถอดฟีเจอร์เพื่อส

Posted: 18 Feb 2015, 11:37
by brid.ladawan
Apple Watch ส่อแววเจอปัญหาก่อนวางขาย หลังโดนถอดฟีเจอร์เพื่อสุขภาพหลายตัว


หลังจากที่ Tim Cook ได้ประกาศวันวางจำหน่าย Apple Watch นาฬิกาอัจฉริยะที่เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน ปีที่ผ่านมา ในเดือนเมษายนที่ถึงจะนี้ ล่าสุด ทาง Wall Street Journal ได้เผยข้อมูลจากวงใน ซึ่งระบุว่า Apple Watch รุ่น Final ก่อนวางจำหน่าย จะตัดฟีเจอร์ด้านสุขภาพ ที่เคยแนะนำไปตอนเปิดตัว หลายฟีเจอร์เลยทีเดียว

โดยฟีเจอร์ที่ถูกตัดออก ก็คือ การวัดระดับความเครียด และความดันเลือด ซึ่งเหตุผลที่ต้องตัดออกเป็นเพราะว่า ฟีเจอร์ดังกล่าวดูซับซ้อนมากเกินไป และมีความเสี่ยงในการดูแลจากรัฐบาล นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีกที่ไม่ระบุชื่อ เนื่องจากทำงานยังไม่ได้มาตรฐานดีพอ

ในเดือนเมษายนนี้ Apple Watch จะวางจำหน่ายอยู่ที่ราวๆ 5-6 ล้านเครื่อง โดยรุ่นที่ผลิตมากที่สุดก็คือ Apple Watch Sport ตามมาด้วย Apple Watch และ Apple Watch Gold Edition - 9to5mac.com

แอปเปิล ประกาศวางจำหน่าย Apple Watch เมษายนนี้

ได้กำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเสียที สำหรับ Apple Watch นาฬิกาอัจฉริยะที่เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน ปีที่ผ่านมา พร้อม iPhone 6 และ iPhone 6 Plus และล่าสุด Tim Cook ได้ประกาศในงานแถลงผลประกอบการประจำไตรมาสว่า Apple Watch จะวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้

ใครที่อยากจับจองเป็นเจ้าของ Apple Watch เก็บเงินรอไว้ได้เลยครับ - cnet.com

Apple Watch รุ่นแพงสุด ราคาเกือบ 2 แสนบาท!

หลังจากที่ Apple Watch เปิดตัวไปตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา พร้อม iPhone 6 และ iPhone 6 Plus และจะวางจำหน่ายในช่วงต้นปีหน้า ล่าสุด แหล่งข่าวจากประเทศฝรั่งเศส เผยว่า Apple Watch จะวางจำหน่ายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2015 หรือวันวาเลนไทน์ นั่นเอง

โดย Apple Watch จะมีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันครับ ได้แก่ Apple Watch รุ่นปกติ, Apple Watch Sport และ Apple Watch Edition ซึ่ง Apple Watch Edition นั้น ตัวเรือนทำมาจากทองคำ 18 กะรัต ทำให้คาดกันว่า น่าจะมีราคาสูงพอสมควร โดยแหล่งข่าวเดิม เผยว่า Apple Watch Edition จะเคาะราคาที่ $5000 หรือราวๆ 160,000 บาท ส่วน Apple Watch Sport เคาะราคาที่ $500 หรือราวๆ 16,000 บาท และ Apple Watch รุ่นปกติ เป็นรุ่นที่มีราคาถูกที่สุด เคาะราคาที่ $349 หรือราวๆ 12,000 บาทครับ

อย่างไรก็ดี ข้อมูลข้างต้น เป็นเพียงการคาดคะเนเท่านั้น คงต้องรอการประกาศจากแอปเปิล อีกครั้งครับ - phonearena.com


Apple Watch นาฬิกาอัจฉริยะ เปิดตัวแล้ว! มีให้เลือก 2 ขนาดหน้าจอ อัดแน่นด้วยฟีเจอร์คุณภาพ สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้ วางจำหน่ายต้นปี 2015 ราคาหมื่นต้นๆ

ในงานอีเวนท์ Apple ที่นอกจากจะเปิดตัว iPhone 6 และ iPhone 6 Plus แล้ว ยังได้มีการเปิดตัว อุปกรณ์สวมใส่ อีกหนึ่งรุ่น ที่เรียกได้ว่า เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทั่วโลกจับตามองเลยก็ว่าได้ กับ Apple Watch หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ iWatch นั่นเอง

สำหรับดีไซน์ของ Apple Watch นั้น เมื่อมองภาพรวม อาจจะดูเหมือน นาฬิกาธรรมดาๆ แต่ถ้าเจาะลึกถึงฟีเจอร์ภายใน ต้องบอกว่า Smartwatch รุ่นนี้ มีดีไม่แพ้คู่แข่งเลยก็ว่าได้ มาดูกันครับว่า Apple Watch มีคุณสมบัติที่น่าสนใจอะไรกันบ้าง

Apple Watch มีให้เลือก 3 คอลเลคชั่น

เนื่องจากความชอบของแต่ละบุคคลแตกต่างกัน ทำให้ Apple Watch มีให้เลือกทั้งหมด 3 คอลเลคชั่นครับ โดยแต่ละคอลเลคชั่น จะมีให้เลือก 2 ขนาดหน้าจอ พร้อมกับสายรัดข้อมือดีไซน์ต่างกัน ดังนี้

• Apple Watch : เป็นรุ่นปกติ ตัวเรือนทำจาก Stainless Steel กระจกหน้าจอแบบซัฟไฟร์
• Apple Watch Sport : ตัวเรือนทำมาจาก Anodised Aluminium กระจกหน้าจอแบบ Ion-X รุ่นนี้โดดเด่นที่สายนาฬิกา ที่มีสีสันสดใส
• Apple Watch Edition : ตัวเรือนเป็นทองคำ 18 กะรัต พร้อมกระจกหน้าจอแบบซัฟไฟร์ สายนาฬิกาแบบตัวล็อค

มีให้เลือก 2 ขนาดหน้าจอ

Apple Watch มีให้เลือก 2 ขนาดหน้าจอครับ แต่ในงานเปิดตัวนั้น ทางแอปเปิล ไม่ได้ระบุข้อมูลว่า แต่ละรุ่น มีขนาดหน้าจออยู่ที่กี่นิ้ว แต่กลับระบุว่า รุ่นหน้าจอเล็ก ความสูงอยู่ที่ 38 มิลลิเมตร ส่วนรุ่นหน้าจอใหญ่ ความสูงอยู่ที่ 42 มิลลิเมตร

ตัวเรือน มีให้เลือก 6 สี

Apple Watch แต่ละคอลเลคชั่น จะมีตัวเรือนให้เลือก 2 สี ตามความชอบ ซึ่งได้แก่

• Apple Watch ได้แก่ สี Stainless Steel กับ สี Space Black Stainless Steel
• Apple Watch Sport ได้แก่ สี Silver Aluminum กับ สี Space Gray Aluminum
• Apple Watch Edition ได้แก่ สี 18-Karat Yellow Gold และ สี 18-Karat Rose Gold

สายนาฬิกา มีให้เลือก 6 สไตล์

นอกจากตัวเรือนแล้ว สายนาฬิกา ก็ยังมีให้เลือกหลายแบบเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น สาย Link Bracelet, สาย Sport Band, สาย Leather Loop, สาย Classic Buckle, สาย Modern Buckle และ สาย Milanese Loop ที่สำคัญ สามารถเปลี่ยนสายได้ง่ายอีกด้วย

หน้าปัดกว่าล้านรูปแบบ!

ไม่ได้อ่านผิดหรอกครับ เพราะ Apple Watch มีอินเทอร์เฟสของหน้าปัด ให้เลือกมากมายกว่าล้านรูปแบบ ซึ่งมีทั้งแบบ ดีไซน์ดั้งเดิม ไปจนถึงแบบตัวการ์ตูน และภาพกราฟฟิค นอกจากนี้ ยังเปลี่ยนสี, เลือกลาย และองค์ประกอบอื่นๆ ได้อีกมากมาย

Digital Crown เม็ดมะยมไฮเทค

แม้ว่า Apple Watch จะมาพร้อมกับหน้าจอแบบสัมผัส แต่ก็มีขนาดเล็กเกินไป ซึ่งการใช้นิ้ว Pinch to Zoom จะบดบังหน้าจอไปเสียหมด ด้วยเหตุนี้ แอปเปิล จึงได้พัฒนา Digital Crown หรือเม็ดมะยม ขึ้นมา ซึ่งจะช่วยทำให้การใช้งาน Apple Watch ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่ง Digital Crown นี้ สามารถหมุนได้เพื่อแทนการซูมเข้าและออก หรือใช้เพื่อเลื่อนหน้าจอขึ้นลง

นอกจากนี้ ยังเปรียบเสมือนปุ่ม Home อีกด้วย การกด เม็ดมะยม 1 ครั้ง จะกลับเข้าสู่หน้า Homescreen แต่ถ้ากด 2 ครั้ง จะเป็นการแสดงหน้าปัดนาฬิกา

Digital Touch ส่งใจไปให้ผู้ใช้ Apple Watch ด้วยกัน

ด้านล่างเม็ดมะยม จะมีปุ่มที่เรียกว่า Digital Touch เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารกับผู้ที่ใช้ Apple Watch ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น การวาดภาพ, Walkie-Talkie คุยสลับกันไปมา, Tap แตะเพื่อสะกิด หรือ Heartbeat ส่งจังหวะการเต้นของหัวใจ ด้วยการใช้ 2 นิ้วกดลงไปบนหน้าจอ

Apple Watch สามารถใช้งานเป็นโทรศัพท์ได้

อีกหนึ่งคุณสมบัติบน Apple Watch ก็คือ สามารถรับส่งข้อความ (ด้วยการใช้คำสั่งเสียงแทนการพิมพ์), รองรับการใช้งานโทรศัพท์ ด้วยการใช้ไมโครโฟนที่มีอยู่ในตัว หรือจะโอนสายไปยัง iPhone เพื่อให้คุยได้นานขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถโอนสายจาก Apple Watch ไปยัง Speaker phone บนรถยนต์ หรือหูฟัง Bluetooth ได้ และสุดท้าย เปิดอ่านอีเมลได้ครับ

ชาร์จแบตเตอรี่ได้ง่ายขึ้น ด้วยที่ชาร์จแบบ MagSafe

สำหรับที่ชาร์จของ Apple Watch นั้น แอปเปิลได้ออกแบบด้วยการผสมผสานเทคโนโลยี MagSafe เข้ากับการชาร์จแบบเหนี่ยวนำ (inductive charging) เพียงแค่ถือหัวต่อไว้ใกล้ๆ ด้านหลังของนาฬิกา แล้วแม่เหล็กก็จะดูดให้ติดเข้าที่โดยอัตโนมัติให้เอง ซึ่งสามารถใช้งานได้ง่าย แม้จะอยู่ในที่มืด

ไม่ต้องใช้ iPhone 6 ก็เชื่อมต่อ Apple Watch ได้

Apple Watch รองรับบน iPhone ที่มี Bluetooth LE ครับ ซึ่งได้แก่ iPhone 5, iPhone 5C, iPhone 5S และ iPhone 6 กับ iPhone 6 Plus ที่เพิ่งเปิดตัวไปด้วยเช่นกัน

ราคาและวันวางจำหน่าย Apple Watch

สำหรับราคา Apple Watch ในสหรัฐฯ เริ่มที่ $349 คิดเป็นเงินไทยราวๆ 12,000 บาท แต่ใครที่อยากได้ คงต้องอดใจกันอีกสักหน่อย เพราะ Apple Watch วางจำหน่ายต้นปี 2015 ทั้ง 3 โมเดล Apple Watch, Apple Watch Sport และ Apple Watch Edition งานนี้ มีเวลาให้เก็บเงินกันยาวๆ ครับ

---------------------------------------
ข้อมูลโดย : techmoblog.com