Page 1 of 1

อนาคตของการจ่ายเงินด้วยอุปกรณ์โมบายในไทย

Posted: 18 Feb 2015, 16:09
by brid.ladawan
อนาคตของการจ่ายเงินด้วยอุปกรณ์โมบายในไทย


เทคโนโลยีการจ่ายเงินด้วยอุปกรณ์โมบายโดยเฉพาะสมาร์ตโฟนที่เราถือกันตลอดเวลา ทั้งแอพพลิเคชั่นจากต่างประเทศ Apple Pay, LINE Pay, หรือ Google Wallet ในไทยเองมีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายสำคัญทั้ง AIS, dtac, และ Truemove ก็ลงมาตลาดนี้เต็มตัวทั้งสามราย

ในงาน Tech Trend Thailand ที่ผ่านมา ทีมงานได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด และคุณสมหวัง เหลืองไพบูลย์ศรี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เพย์สบาย จำกัด ในเครือดีแทค ถึงประสบการณ์การทำบริการจ่ายเงินด้วยอุปกรณ์โมบายในไทย และอนาคตที่จะเกิดขึ้นในบ้านเรา

ในไทยเองการใช้งานบริการจ่ายเงินสูงขึ้นเรื่อยๆ ในงานทาง mPay ระบุว่ามีผู้ลงทะเบียนถึง 1.3 ล้านเลขหมาย และมีผู้ใช้งานในแต่ละเดือนอยู่ที่ประมาณสามแสนเลขหมายต่อเดือน ขณะเดียวกับทางเพย์สบาย เมื่อเปิดบริการเพียงไม่กี่วันก็มีผู้ใช้นับหมื่นคน

upic.me

ความแตกต่างของที่ก่อนหน้าที่การจ่ายเงินผ่านโมบายทำได้ยาก คือ ผู้ให้บริการไม่สามารถควบคุมเครื่องลูกข่ายได้เหมือนในต่างประเทศเช่นญี่ปุ่น ทำให้สามารถกำหนดได้ว่าเครื่องรุ่นใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนให้ลูกค้าจะมีเทคโนโลยีใดบ้าง ความเปลี่ยนแปลงนี้ในช่วงหลังดีขึ้นหลังจากที่มีสมาร์ตโฟนเข้ามา รวมถึงมีเทคโนโลยีอย่าง NFC ในเครื่องที่พร้อมใช้งานได้มากขึ้น แต่กระบวนการเหล่านี้เองก็ยังมีเทคโนโลยีที่หลากหลาย ทำให้ผู้พัฒนาต้องเลือกเทคโนโลยีให้ดี และแต่ละหน่วยงานที่กำหนดมาตรฐานก็มีแนวทางกำหนด ความยุ่งยาก เช่น ข้อกำหนดทางกฎหมายทำให้ผู้พัฒนาไม่สามารถวางกระบวนการใช้งานได้ง่ายเท่าที่คาดหวัง

ปัญหากระบวนการไม่เป็นไปตามที่ลูกค้าและผู้พัฒนาคาดหวังเป็นเรื่องที่นักพัฒนาเข้าไปแก้ได้ยาก แนวทางของผู้ให้บริการทั้งสามรายคือการวางมาตรฐานร่วมกันเพื่อสร้างความเคยชินให้กับลูกค้าที่จะมีแนวทางการใช้งานใกล้เคียงกัน

สำหรับการมาของ Apple Pay ผู้ให้บริการในไทยมองว่าน่าจะช่วยสร้างความตื่นตัวให้กับตลาด แต่การให้ Apple Pay เข้ามาทำตลาดในไทยโดยตรงคงเป็นเรื่องยาก ขณะเดียวกันการปรับตัวของผู้ให้บริการในไทยที่จะปรับกระบวนการผูกบัตรเครดิตได้ง่ายขึ้น, จ่ายออนไลน์ได้ง่ายขึ้น, และสามารถจ่ายเงินโดยตรงเข้าหมายเลขโทรศัพท์ของค่ายอื่นๆ ข้ามกันไปมา ก็น่าจะช่วยให้การใช้งานในปีนี้เติบโตไปได้อีกมาก

ที่มา : www.blogone.com
18 กุมภาพันธ์ 2558