ทำไมต้องเป็น ‘เมือกหอยทาก’ สายพันธุ์ไทย

Post Reply
brid.ladawan
Posts: 7045
Joined: 29 Mar 2013, 13:36

ทำไมต้องเป็น ‘เมือกหอยทาก’ สายพันธุ์ไทย

Post by brid.ladawan »

ทำไมต้องเป็น ‘เมือกหอยทาก’ สายพันธุ์ไทย!

เมื่อ “เมือกหอยทาก” ที่กำลังตีตลาดด้านความงามในเมืองไทย ล้วนเป็นสายพันธุ์จากต่างประเทศทั้ง ๆ ที่เมืองไทยมีความหลากหลายของสปีชีส์หอยทากบกสูงมาก

ยอมไม่ได้! เมื่อ “เมือกหอยทาก” ที่กำลังตีตลาดด้านความงามในเมืองไทย ล้วนเป็นสายพันธุ์จากต่างประเทศทั้ง ๆ ที่เมืองไทยมีความหลากหลายของสปีชีส์หอยทากบกสูงมาก

“ศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ ปัญหา” อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยซิสเทมาติกส์ของสัตว์ ที่ทำวิจัยเรื่องหอยทากมากว่า 30 ปี บอกว่า ปัจจุบันมีการค้นพบหอยทากบกในประเทศไทยซึ่งตีพิมพ์แล้วกว่า 600 ชนิด และคาดว่าน่าจะมีมาถึง 1,000-1,500 ชนิด

ด้วยลักษณะที่โดดเด่นของหอยทากคือ การผลิตเมือก เพื่อให้ดำรงชีวิตไปได้อย่างเป็นอมตะ สามารถวิวัฒนาการผ่านสภาพแวดล้อมต่าง ๆ มาได้ยาวนานกว่า 280 ล้านปี จึงมีการนำหอยทากไปใช้ประโยชน์ทั้งเพื่อการบริโภค และใช้ประโยชน์จากเมือกในเรื่องของความงามมาตั้งแต่อดีต

ปัจจุบันมีหลายประเทศอย่างเกาหลี ญี่ปุ่น และชิลี ค้นพบความลับของเมือกหอยทาก ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผิวนุ่มนวลแล้ว ยังมีผลการวิเคราะห์ทางเคมี พบว่ามีสาร ประกอบที่เป็นประโยชน์มากมาย อาทิ สารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านการอักเสบ โปรตีนและเปปไทด์ ที่เป็นประโยชน์ด้านการบำรุงผิวพรรณอีกด้วย

และในประเทศไทย ขณะนี้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากเมือกหอยทากกำลังเป็นที่นิยม แต่ไม่ใช่สายพันธุ์หอยทากในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่จะเป็นหอยทากสายพันธุ์ที่มาจากเขตหนาว

ศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ บอกว่า จากการวิจัยร่วมกับภาควิชาชีว เคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ พบหอยทากหลายสายพันธุ์ในประเทศไทยมีเมือกที่อุดมด้วยสารธรรมชาติหลากชนิด และที่สำคัญคือมีสารออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อโรคที่อยู่ในเขตร้อน จึงเหมาะสมกับผิวของคนไทยและคนเอเชีย

“เราได้วิเคราะห์เมือกหอยทากไทยที่ชื่อว่า หอยนวล (Hemiplecta distincta) พบว่าอุดมไปด้วยสารนานาชนิดที่มีประโยชน์มากมายเหมาะต่อการซ่อมแซมและบำรุงผิว อาทิ อิลาสติน (elastin) อะลันโทอิน (alantoin) กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) กรดไกโคลิก (glycolic acid) และสารแอนตี้ออกซิแดนท์ (anti-oxidant) เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นเมือกคุณภาพชั้นดีเยี่ยม ที่สามารถนำมาต่อยอดหรือพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรมเครื่องสำอางและธุรกิจความงาม และที่น่าภูมิใจคือเป็นผลิตภัณฑ์จากทรัพยากรชีวภาพของไทยเราเอง” ศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ กล่าว

จากความร่วมมือดังกล่าวทำให้ทีมวิจัยสามารถผลิตเมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยได้เป็นครั้งแรก โดยสามารถผลิตได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่คัดเลือกสายพันธุ์ เพาะเลี้ยง ควบคุมคุณภาพเมือกที่ได้ได้มีสารออกฤทธิ์สูงและพร้อมที่จะต่อยอดให้ภาคอุตสาหกรรมนำไปผลิตเป็นเครื่องสำอางจำหน่ายไปทั่วโลกทดแทนการนำเข้าเมือกหอยทากจากต่างประเทศ

ด้าน “เภสัชกร ดร.พิศาล จันทฤทธิรัศมี” รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกว่า ในอดีตที่ผ่านมากว่า 20 ปี แม้ประเทศไทยจะเชี่ยวชาญในด้านการผลิตเครื่องสำอางส่งออกขายทั่วโลกภายใต้แบรนด์ยี่ห้อดังระดับโลก แต่กลับนำเข้าวัตถุดิบสำคัญจากต่างประเทศเป็นหลัก เพราะการวิจัยพัฒนาทางด้านนี้ยังมีน้อย และส่วนมากยังไม่ได้มาตรฐานพอที่จะเป็นวัตถุดิบส่งออกไปทั่วโลก

ความสำเร็จของการวิจัยและผลิตเมือกหอยทากสายพันธุ์ไทยที่ได้มาตรฐานสากลในเชิงพาณิชย์นี้ จึงเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทย ซึ่งทางกลุ่มพร้อมสนับสนุนนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเครื่องสำอางสำเร็จรูป ลดการนำเข้าเมือกหอยทาก และยังสามารถส่งออกไปขายยังต่างประเทศได้อีกด้วย

นับเป็นต้นแบบงานวิจัยที่ครบวงจรจริง ๆ.

ศรัณย์ บุญทา


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 19 ก.พ 2558
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”