Page 1 of 1

ผู้ผลิตยิ้มร่า! “พาณิชย์”ยอมสินค้าปรับขนาด ปรับสูตร ขึ้นราคา

Posted: 21 Feb 2015, 14:15
by brid.ladawan
ผู้ผลิตยิ้มร่า! “พาณิชย์”ยอมสินค้าปรับขนาด ปรับสูตร ขึ้นราคาได้

“พาณิชย์”ไฟเขียวพ่อค้าปรับราคาทางอ้อม หลังปรับลดขนาด ปรับสูตร แล้วขอตั้งราคาใหม่ ย้ำพิจารณาให้ตามความเหมาะสม ไม่ได้ทุกรายการ ส่วนการดูแลค่าครองชีพ มีทีมผู้บริหารลงพื้นที่ตรวจตลาดตลอด พร้อมส่งรถเคลื่อนที่รับเรื่องร้องเรียน เผยประชาชนตอบรับรถธงฟ้าเป็นอย่างมาก

นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภคจำนวนมากได้มีการแจ้งออกผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ๆ หรือปรับรูปแบบขนาดและเพิ่มสูตรใหม่ ให้กรมฯ พิจารณาการตั้งราคา ซึ่งสินค้าบางชนิดมีทั้งขอปรับขึ้นราคาจากสินค้ารูปแบบเดิมหรือราคาเท่ากับของเดิม เพื่อให้เกิดความหลากหลายในการจูงใจแก่ผู้บริโภค ซึ่งได้มีการอนุมัติให้บางรายการปรับราคาขึ้นบ้าง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะต้องดูความเหมาะสมของต้นทุนสินค้าด้วย

“เจ้าของสินค้าได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง และได้เสนอให้กรมฯ พิจารณาเรื่องราคา ซึ่งกรมฯ จะดูความเหมาะสมอย่างรอบคอบทั้งเชิงการค้าและผู้บริโภค โดยในยุคการแข่งขันเสรี คงไม่สามารถที่จะไปควบคุม เพื่อไม่ให้สินค้าขยับราคาได้ เช่น สินค้าตามห้างกับร้านทั่วไป แม้เป็นสินค้าเดียวกัน แต่ราคาก็คงต้องแตกต่างกันไป”นายบุณยฤทธิ์กล่าว

นายบุญยฤทธิ์กล่าวว่า การดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้ผู้บริหารของกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสของผู้ประกอบการบางราย ซึ่งจากการลงพื้นที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน และพอใจที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาตรวจสอบ ทำให้พ่อค้า แม่ค้า ไม่กล้าฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าในราคาที่เอาเปรียบผู้บริโภค

ทั้งนี้ กรมฯ ยังได้เปิดหน่วยร้องเรียนเคลื่อนที่ 1569 เพื่อรับเรื่องร้องเรียนราคาสินค้าจากประชาชนตามตลาดสดต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้ร้องเรียนได้อย่างรวดเร็วด้วย

นายบุญยฤทธิ์กล่าวว่า สำหรับโครงการรถธงฟ้าเคลื่อนที่ หรือโมบายยูนิต นำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นไปจำหน่ายตรงถึงหน้าบ้าน และได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่วันที่ 16 ก.พ.2558 ที่ผ่านมา ประชาชนได้ตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งจากรายงานผลเบื้องต้น 2 วันแรก มียอดจำหน่ายแล้วกว่า 5.2 ล้านบาท ช่วยลดค่าครองชีพประชาชนได้ประมาณ 30% หรือประมาณ 2.5 ล้านบาท ส่วนโครงการดังกล่าวจะมีการยืดระยะเวลาหรือขยายพื้นที่ออกไปหรือไม่นั้น จะมีการพิจารณาความเหมาะสมก่อน

ส่วนการประชุมคณะการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เพื่อหามาตรการบรรเทาผลกระทบจากผลผลิตหอมหัวใหญ่ล้นตลาด เนื่องจากมีการนำเข้ามาจากประเทศจีนถึง 7.6 หมื่นตัน ขณะที่ผลผลิตในประเทศอยู่ที่ 4 หมื่นตัน และมีความต้องการใช้เพียง 9 หมื่นตัน กรมฯ ได้เสนอให้ที่ประชุมใช้มาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการนำผลผลิตมาเก็บฝากไว้กับห้องเย็นของรัฐประมาณ 5,000 ตัน ในเวลาไม่เกิน 3 เดือน เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก และคาดว่าน่าจะลดปริมาณผลผลิตที่ล้นตลาดลงได้ฃ


ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558