พาณิชย์ให้ 2 ข้าราชการออกเซ่นจีทูจีเก๊
Posted: 23 Feb 2015, 16:26
พาณิชย์ให้ 2 ข้าราชการออกเซ่นจีทูจีเก๊
“พาณิชย์” ให้ออก 2 ข้าราชการ เซ่นจีทูจีเก๊ หลังป.ป.ช.ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง ส่วนทุจริตข้าวถุง บอร์ด อคส. มีมติให้รองผอ. ออกจากราชการเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่าขณะนี้คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงพาณิชย์ได้ประชุมและมีมติให้2ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ คือนายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ออกจากราชการ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง กรณีการขายข้าวในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ของรัฐบาลก่อน
สำหรับการพิจารณาโทษ กระทรวงพาณิชย์ได้ยึดตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 และเห็นว่าในเมื่อป.ป.ช.ชี้มูลความผิดมาแล้ว ก็ไม่สามารถดำเนินการอย่างอื่นได้ จึงมีมติออกมาดังกล่าว ซึ่งผู้ที่ถูกให้ออกจากราชการทั้ง 2 ราย สามารถที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่รับทราบคำสั่ง โดยให้ยื่นต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (กพค.)
ทั้งนี้ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดกรณีการขายข้าวจีทูจีของรัฐบาลก่อน รวม 21 รายประกอบด้วย นักการเมือง3ราย ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และพันตรี วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขาธิการ รมว.พาณิชย์,ส่วนข้าราชการ3ราย คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการกองความร่วมมือการค้าและการลงทุน และเอกชน15ราย
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานคณะกรรมการ อคส. กล่าวถึงความคืบหน้าส่วนความคืบหน้าการเอาผิดผู้บริหารระดับสูงขององค์การคลังสินค้า (อคส.) กรณีทุจริตโครงการข้าวสารบรรจุถุงว่า บอร์ดอคส. ได้มีมติให้นายสมศักดิ์วงศ์วัฒนศานต์รองผู้อำนวยการอคส.ออกจากราชการไว้ก่อน หลังผลการตรวจสอบพบว่ามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตจริง ทั้งการเบิกจ่ายข้าวให้กับผู้รับปรับปรุงข้าวถุงเกินปริมาณที่กำหนด การคืนหนังสือค้ำประกัน ทั้งๆ ที่โครงการยังไม่จบ รวมไปถึงการว่าจ้างจัดทำแพกเกจจิ้ง
“ขณะนี้ บอร์ด อคส. ได้ตั้งกรรมการ เพื่อตรวจสอบและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการดังกล่าวว่ามีจำนวนเท่าไร ซึ่งเมื่อได้ตัวเลขชัดเจนแล้ว ก็จะฟ้องเรียกค่าเสียหายทั้งจากผู้บริหาร อคส. และเอกชน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป”
ที่่มา เดลินิวส์
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2558
“พาณิชย์” ให้ออก 2 ข้าราชการ เซ่นจีทูจีเก๊ หลังป.ป.ช.ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง ส่วนทุจริตข้าวถุง บอร์ด อคส. มีมติให้รองผอ. ออกจากราชการเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่าขณะนี้คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงพาณิชย์ได้ประชุมและมีมติให้2ข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ คือนายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ออกจากราชการ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง กรณีการขายข้าวในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ของรัฐบาลก่อน
สำหรับการพิจารณาโทษ กระทรวงพาณิชย์ได้ยึดตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 และเห็นว่าในเมื่อป.ป.ช.ชี้มูลความผิดมาแล้ว ก็ไม่สามารถดำเนินการอย่างอื่นได้ จึงมีมติออกมาดังกล่าว ซึ่งผู้ที่ถูกให้ออกจากราชการทั้ง 2 ราย สามารถที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่รับทราบคำสั่ง โดยให้ยื่นต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (กพค.)
ทั้งนี้ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดกรณีการขายข้าวจีทูจีของรัฐบาลก่อน รวม 21 รายประกอบด้วย นักการเมือง3ราย ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และพันตรี วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขาธิการ รมว.พาณิชย์,ส่วนข้าราชการ3ราย คือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการกองความร่วมมือการค้าและการลงทุน และเอกชน15ราย
นางจินตนา ชัยยวรรณาการ ประธานคณะกรรมการ อคส. กล่าวถึงความคืบหน้าส่วนความคืบหน้าการเอาผิดผู้บริหารระดับสูงขององค์การคลังสินค้า (อคส.) กรณีทุจริตโครงการข้าวสารบรรจุถุงว่า บอร์ดอคส. ได้มีมติให้นายสมศักดิ์วงศ์วัฒนศานต์รองผู้อำนวยการอคส.ออกจากราชการไว้ก่อน หลังผลการตรวจสอบพบว่ามีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตจริง ทั้งการเบิกจ่ายข้าวให้กับผู้รับปรับปรุงข้าวถุงเกินปริมาณที่กำหนด การคืนหนังสือค้ำประกัน ทั้งๆ ที่โครงการยังไม่จบ รวมไปถึงการว่าจ้างจัดทำแพกเกจจิ้ง
“ขณะนี้ บอร์ด อคส. ได้ตั้งกรรมการ เพื่อตรวจสอบและประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการดังกล่าวว่ามีจำนวนเท่าไร ซึ่งเมื่อได้ตัวเลขชัดเจนแล้ว ก็จะฟ้องเรียกค่าเสียหายทั้งจากผู้บริหาร อคส. และเอกชน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป”
ที่่มา เดลินิวส์
วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2558