Page 1 of 1

ภาษีที่ดิน พัฒนาท้องถิ่น พัฒนาประชาธิปไตย พัฒนาชาติ

Posted: 24 Feb 2015, 10:23
by brid.ladawan
ภาษีที่ดิน พัฒนาท้องถิ่น พัฒนาประชาธิปไตย พัฒนาชาติ

ยังมีประชาชนจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและไม่ว่าภาษีอะไรหลายคนก็อาจส่ายหัวไว้ก่อน เพราะไม่มีใครอยากจะเสียเพราะคิดว่าจะเป็นการสูญเปล่าและยังอาจถูกนำไปใช้อย่างทุจริตอีกต่างหาก

เห็นทางราชการต้องการจะกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นไม่ต้องการนักเลือกตั้งอยากพัฒนาประชาธิปไตยที่แท้ (ไม่รู้ตั้งใจจริงไหม) หนทางเดียวที่จะทำได้ก็คือการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

ผมคิดว่ายังมีประชาชนจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและไม่ว่าภาษีอะไรหลายคนก็อาจส่ายหัวไว้ก่อน เพราะไม่มีใครอยากจะเสียเพราะคิดว่าจะเป็นการสูญเปล่าและยังอาจถูกนำไปใช้อย่างทุจริตอีกต่างหาก แต่ผมขอยืนยันว่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้ดีจริง ๆ มีแต่ได้กับได้และที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายไม่เป็นโทษแก่ใครเลยผมจึงอยากขอให้ทุกฝ่ายทั้งเจ้าที่ดินรายใหญ่หรือคน (อยาก) จนที่ “มีทองเท่าหนวดกุ้งแต่นอนสะดุ้งจนเรือนไหว” มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเสียใหม่แล้วท่านจะรักภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง!

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างคืออะไร

ตามร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็คิดภาษีเฉพาะที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเช่น ถ้าเป็นโรงงานก็นำเฉพาะที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาคำนวณภาษีโดยไม่รวมเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เพดานอัตราภาษีมี 3 อัตราคือ ไม่เกิน 0.5% สำหรับอัตราทั่วไปไม่เกิน 0.1% สำหรับที่อยู่อาศัยที่ไม่ประกอบการเชิงพาณิชย์และไม่เกิน 0.05% สำหรับที่เกษตรกรรมส่วนในกรณีที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าให้เก็บภาษีตามอัตราทั่วไปแต่หากยังไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อีกให้เสียภาษีเพิ่มอีก 1 เท่าในทุก 3 ปีแต่ไม่เกิน 2% ต่อปีของฐานภาษี

ทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นภาษีได้แก่ พระราชวังทรัพย์สินของรัฐที่ใช้ในกิจการของรัฐหรือสาธารณะ ทรัพย์สินที่เป็นศาสนสมบัตินอกจากนี้ยังจะมีการออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษีให้กับผู้มีรายได้น้อย เกษตรกรรายย่อยที่ทรัพย์สินมีมูลค่าต่ำกว่าที่กำหนด อย่างไรก็ตามผมเห็นว่าไม่ควรมีข้อยกเว้นเพราะทำให้เกิดการลักลั่นเพราะในปัจจุบัน แม้แต่ประชาชนจน ๆ มีรถจักรยานยนต์ไม่กี่หมื่นบาทสักคันก็ยังต้องเสียภาษีล้อเลื่อนทุกปีเลย

หากร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้รับการประกาศใช้ยังจะมีบทเฉพาะกาลให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นได้เตรียมตัวอีก 2 ปี และเมื่อถึงปีแรกของการเก็บภาษียังให้เก็บเพียง 50% ของภาษีที่คำนวณได้ในปีที่สองให้เก็บ 75% และให้เริ่มเก็บ 100% ในปีที่สามการผ่อนผันตามบทเฉพาะกาลนี้ก็เพื่อให้ประชาชนได้ค่อย ๆ ปรับตัวกับภาษีนี้

และ เมื่อมีภาษีนี้แล้วภาษีอีก 2 รายการซึ่งมีลักษณะซ้ำซ้อนและไม่เป็นปัจจุบันจะได้รับการยกเลิก คือภาษีโรงเรือนและที่ดินซึ่งจัดเก็บ ณ อัตรา 12.5% ของค่าเช่าและภาษีบำรุงท้องที่ซึ่งจัดเก็บจากฐานราคาปานกลางของที่ดินปี 2521-2524 (ไม่เคยปรับปรุงให้ทันสมัยอีกเลยนับแต่นั้นมา) และเป็นภาษีที่มีฐานการเก็บแคบและไม่เป็นธรรมเท่าที่ควร

ภาษีนี้มีภาระต่ำมาก

ที่ว่าเช่นนี้ก็เพราะอัตราภาษีต่ำมากยกตัวอย่างเช่น คน ๆ หนึ่งมีบ้านราคา 1 ล้านบาทเสียภาษี 0.1% หรือปีละเพียง 1,000 บาทหรือเดือนละ 83 บาท ซึ่งยังถูกกว่าค่าเก็บขยะและดูแลชุมชนเสียอีก ในประเทศยุโรปและอเมริกาเขาจัดเก็บภาษีกันในอัตรา 1-2% ของมูลค่าทรัพย์สินทำให้มีเงินไปพัฒนาท้องถิ่นได้มากมายเขาจึงมีสาธารณูปโภคที่ดีกว่าไทย

อันที่จริงไม่มีความจำเป็นต้องยกเว้นภาษีให้กับใครเลยเพราะการยกเว้น จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจและอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำได้ ยกตัวอย่างเช่น บางคนอาจมีห้องชุดราคาเพียง 300,000 บาท ต้องเสียภาษี 0.1% หรือปีละ 300 บาท เงินเพียงเท่านี้จะเสียเพื่อตัวเองและประเทศชาติไม่ได้เลย หรือบางท่านอาจบอกว่า 300 บาท ของผู้มีรายได้น้อยก็ถือว่ามากแล้วกรณีนั้นอาจจะใช่ หากเป็นคนจนจริงก็คงไม่มีสมบัติอะไร

ผู้ที่มีทรัพย์สิน 300,000 บาท แม้จะน้อยเมื่อเทียบกับคนมีบ้านหลังใหญ่กว่าแต่ก็ไม่ถือเป็นผู้มีรายได้น้อยและที่สำคัญชาวบ้านอาจทำบุญทำสังฆทาน (อาจเพราะเมื่อคืนฝันไม่ดี) เป็นเงินครั้งละมากกว่า 300 เสียอีก บางคนยังอาจเสียไปกับอบายมุขต่าง ๆ มากกว่านี้นักดังนั้นการเสียภาษีเพื่อประโยชน์สุขของตนเองโดยตรงจึงไม่พึงเป็นปัญหาและควรรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันมีสำนึกเสียภาษี

ยิ่งถ้าเป็นชาวนาที่มีที่ดินขนาดเล็กเพียง 15 ไร่ อยู่ในที่ทุรกันดารที่มีราคาไร่ละ 10,000 บาท ชาวนาดังกล่าวก็มีทรัพย์สินเป็นเงิน150,000 บาท หากเขาต้องเสียภาษี ณ อัตรา 0.05% เขาจะเสียเป็นเงินเพียง 75 บาทต่อปีเท่านั้น ภาระภาษีเช่นนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหากับชาวนาเลยและอย่างน้อยชาวนาท่านนี้ก็ยังมีทรัพย์สินไม่ใช่ชาวนาเช่านาแต่อย่างใด เงิน 75 บาทที่เสียไปเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นควรสร้างความภูมิใจแก่ชาวนาท่านนั้นต่างหาก

มีแต่ได้ไม่มีใครเสียหาย

ภาษีนี้เก็บมาเพื่อใช้พัฒนาท้องถิ่นโดยตรงโดยอาจนำมาใช้พัฒนาสาธารณูปโภค สาธารณูปการ การศึกษาให้ทันความต้องการของท้องถิ่นและเมื่อท้องถิ่นได้รับการพัฒนามูลค่าทรัพย์สินของเราก็จะยิ่งเพิ่มพูน เช่น คน ๆ หนึ่งมีบ้านราคา 1 ล้านบาท เสียภาษี 0.1% หรือปีละเพียง 1,000 บาท แต่เมื่อท้องถิ่นได้รับการพัฒนาราคาบ้านก็สามารถเพิ่มขึ้นสุทธิประมาณ 3% ต่อปีหรือปีละ 30,000 บาท ดังนั้นการเสียภาษีเพียง 1,000 บาท แต่ทำให้ทรัพย์สินมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากมายนั้นจึงนับเป็นความคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งถ้าเป็นเจ้าที่ดินรายใหญ่ที่มีทรัพย์สินมูลค่า 100 ล้านบาทหากต้องเสียภาษี 0.5% ก็เป็นเงิน 500,000 บาท แต่หากท้องถิ่นนั้นเจริญขึ้นก็จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินสูงขึ้น 1.5 ล้านบาท (สมมุติให้เพิ่มในอัตราต่ำที่ 1.5%) เท่ากับว่าเจ้าที่ดินรายใหญ่นั้นได้กำไรถึง 1 ล้านบาทต่อปี

ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ยิ่งเก็บภาษีได้มากเท่าไหร่ท้องถิ่นนั้น ๆ ยิ่งเจริญ ท้องถิ่นนำไปปรับปรุงถนนทำให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น พอท้องถิ่นนั้นเจริญมูลค่าทรัพย์สินก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเจ้าของที่ดินก็ได้ประโยชน์เข้าทำนอง “ยิ่งให้ ยิ่งได้” และโดยนัยนี้เราจึงไม่ควรมีข้อยกเว้นการเก็บภาษีนี้แก่ใครทั้งสิ้น

ตัดวงจรอุบาทว์การโกงกิน

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนั้นเป็นเงินภาษีที่จัดเก็บและใช้ภายในท้องถิ่นไม่ผ่านรัฐบาลส่วนกลาง โอกาสที่จะรั่วไหลเพราะนักการเมืองใหญ่หรือเพราะข้าราชการประจำกังฉินระดับชาติจึงไม่มี และโดยที่เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เก็บได้จะถูกนำไปใช้เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นเท่านั้น ประชาชนจึงมีความรู้สึกเป็นเจ้าของภาษีต่างจากในปัจจุบันที่รัฐบาลส่วนกลางส่งงบประมาณมาให้ส่วนท้องถิ่นใช้คนในท้องถิ่นจึงไม่รู้สึกเป็นเจ้าของเงินดังกล่าวทำให้เกิดปรากฏการณ์ “วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง” กลายเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบไป

เมื่อประชาชนในท้องถิ่นเห็นศักยภาพของตนเองในการพัฒนาท้องถิ่นเพื่อตนเองจากภาษีของตนคนดี ๆ ซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดาในท้องถิ่นก็จะอาสามาทำงานเพื่อส่วนรวมในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมืองเขี้ยวโง้งโอกาสการผูกขาดตัดตอนของนักการเมืองท้องถิ่นเสือนอนกินหรือข้าราชการประจำที่ขี้ฉ้อจึงมีน้อยลง

ในประเทศตะวันตกไม่เฉพาะนายกเทศมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งผู้บริหารฝ่ายการศึกษาการสาธารณูปโภค และอื่น ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นก็จะมาจากการเลือกตั้งเช่นกันมีเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเท่านั้นที่เป็นข้าราชการประจำการเลือกตั้งผู้บริหารฝ่ายต่าง ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทำให้การบริหารท้องถิ่นเป็นไปตามความต้องการของคนในท้องถิ่นโดยมีประชาชนในท้องถิ่นเป็นศูนย์กลางนี่จึงเป็นผลดีของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์จริงในท้องถิ่น

ช่วยจรรโลงระบอบประชาธิปไตยที่แท้

นี่เองภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจึงช่วยสถาปนาระบอบประชาธิปไตยที่ “กินได้” หรือเรียกว่าเป็นรูปธรรมประชาธิปไตยนั้นเป็นระบอบที่ใคร ๆ ก็เห็นดีด้วย แต่การรดน้ำพรวนดินระบอบประชาธิปไตยไม่ได้อยู่ที่การยกมือหรือการเลือกตั้งเท่านั้น ที่ผ่านมาประชาชนถูกบิดเบือนให้แปลกแยกกับระบอบประชาธิปไตยที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม มีส่วนได้ มีส่วนเสียกับระบอบนี้และใช่ว่าทุกวันนี้ประชาชนไม่ได้เสียภาษีเพียงแต่ไม่ได้เสียภาษีทางตรงจากทรัพย์สินที่ครอบครองจึงทำให้ขาดความรู้สึกเป็นเจ้าของเท่าที่ควร และกลายเป็นว่าท้องถิ่นเป็นหนี้บุญคุณรัฐบาลส่วนกลางที่ส่งเงินมาให้เสียอีก

และด้วยเหตุนี้ผมจึงเสนอว่าไม่ควรมีข้อยกเว้นการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้ ทุกคนควรภูมิใจที่ได้เสียภาษีนี้เพื่อประโยชน์สุขของตนและส่วนรวมผู้ครอบครองทรัพย์สินไม่ว่าใหญ่น้อยก็ล้วนแต่ไม่ใช่คนยากจนข้นแค้นที่ต้องรอการสงเคราะห์ การมีข้อยกเว้นก็เท่ากับเรายอมศิโรราบกับผู้มีฐานะระดับสูงระบบอุปถัมภ์ก็จะหยั่งรากลึกระบอบประชาธิปไตยก็จะอ่อนแอ และถ้าเจ้าของทรัพย์รายเล็กยังต้องเสียภาษีเจ้าที่ดินรายใหญ่ก็ย่อมต้องเสียภาษีเพื่อตนเองเช่นกัน

ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เพื่อท้องถิ่นนี้ไม่มีใครมาปล้นชิงไปได้ ทุกคนได้ประโยชน์จึงขอให้ทุกท่านที่อ่านบทความนี้ช่วยกันทำให้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ประชาชนทั่วไปโปรดอย่าเข้าใจผิดว่าภาษีนี้จะเป็นภาระแก่ตนเจ้าที่ดินรายใหญ่ก็โปรดอย่าได้ขัดขวางเพราะทุกฝ่ายล้วนได้รับประโยชน์สุขจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้.


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558