ปรับ-เปลี่ยนการกิน พิชิต “กรดไหลย้อน”
Posted: 27 Feb 2015, 10:41
ปรับ-เปลี่ยนการกิน พิชิต “กรดไหลย้อน”
ปรับ-เปลี่ยนการกิน พิชิต “กรดไหลย้อน”
หลายๆ คนคงเคยได้ยืนชื่อโรค “กรดไหลย้อน” เนื่องจากชีวิตคนเมืองหลายๆ คนในปัจจุบันนี้ ก็กำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่ ซึ่งโรคกรดไหลย้อน หรือโรคที่เกิดจากการไหลย้อนกลับของกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารส่วนบนอย่างผิดปกติ จะทำให้เกิดอาการจากการระคายเคืองของกรด รู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณหน้าอกหรือลิ้นปี่ หรือรู้สึกจุกแน่นอยู่ในหน้าอก คล้ายอาหารไม่ย่อย และอาจทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง หรือเป็นโรคปอดอักเสบ เป็นอีกโรคหนึ่งที่กำลังมาแรง สร้างความรำคาญและความทรมานให้ร่างกายไม่น้อย
สาเหตุของโรคนี้มีหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ทำให้มีความดันในช่องท้องมากขึ้นจึงเกิดกรดไหลย้อนได้มากขึ้น ความเครียดและการสูบบุหรี่ก็จะทำให้เกิดการหลั่งกรดมากเช่นกัน ส่วนการนอนหลับหลังการกินอาหารก็มีส่วนเช่นกัน ควรรอประมาณ 3-4 ชั่วโมงหลังการกินอาหารหากต้องการนอนหลับ
ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้นก็มีส่วนช่วยลด-เพิ่มอาการของโรคนี้ไม่ใช่น้อย หรือใครที่ยังไม่เป็นโรคกรดไหลย้อน ก็สามารถป้องกันไม่ให้เป็นได้ โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ดังนี้
- หลีกเลี่ยงหรืออาหารที่กระตุ้นให้โรคเป็นมากขึ้น อาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้อาการกำเริบได้แก่ อาหารมัน อาหารรสจัด อาหารเผ็ดร้อน นม กาแฟ น้ำชา น้ำอัดลม ช็อกโกแลต และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- อย่ากินจนอิ่มเกินไป กินมื้อละน้อยๆ แต่หลายมื้อได้
- เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ไม่เร่งรีบกินจนเกินไป
- ไม่ออกกำลังกาย หรือนอนทันทีหลังกินอาหาร ควรทิ้งช่วงประมาณ 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารผ่านกระเพาะไปก่อน
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558
ปรับ-เปลี่ยนการกิน พิชิต “กรดไหลย้อน”
หลายๆ คนคงเคยได้ยืนชื่อโรค “กรดไหลย้อน” เนื่องจากชีวิตคนเมืองหลายๆ คนในปัจจุบันนี้ ก็กำลังเผชิญกับโรคนี้อยู่ ซึ่งโรคกรดไหลย้อน หรือโรคที่เกิดจากการไหลย้อนกลับของกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารส่วนบนอย่างผิดปกติ จะทำให้เกิดอาการจากการระคายเคืองของกรด รู้สึกปวดแสบปวดร้อนบริเวณหน้าอกหรือลิ้นปี่ หรือรู้สึกจุกแน่นอยู่ในหน้าอก คล้ายอาหารไม่ย่อย และอาจทำให้เกิดอาการไอเรื้อรัง หรือเป็นโรคปอดอักเสบ เป็นอีกโรคหนึ่งที่กำลังมาแรง สร้างความรำคาญและความทรมานให้ร่างกายไม่น้อย
สาเหตุของโรคนี้มีหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ทำให้มีความดันในช่องท้องมากขึ้นจึงเกิดกรดไหลย้อนได้มากขึ้น ความเครียดและการสูบบุหรี่ก็จะทำให้เกิดการหลั่งกรดมากเช่นกัน ส่วนการนอนหลับหลังการกินอาหารก็มีส่วนเช่นกัน ควรรอประมาณ 3-4 ชั่วโมงหลังการกินอาหารหากต้องการนอนหลับ
ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้นก็มีส่วนช่วยลด-เพิ่มอาการของโรคนี้ไม่ใช่น้อย หรือใครที่ยังไม่เป็นโรคกรดไหลย้อน ก็สามารถป้องกันไม่ให้เป็นได้ โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน ดังนี้
- หลีกเลี่ยงหรืออาหารที่กระตุ้นให้โรคเป็นมากขึ้น อาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้อาการกำเริบได้แก่ อาหารมัน อาหารรสจัด อาหารเผ็ดร้อน นม กาแฟ น้ำชา น้ำอัดลม ช็อกโกแลต และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- อย่ากินจนอิ่มเกินไป กินมื้อละน้อยๆ แต่หลายมื้อได้
- เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ไม่เร่งรีบกินจนเกินไป
- ไม่ออกกำลังกาย หรือนอนทันทีหลังกินอาหาร ควรทิ้งช่วงประมาณ 3-4 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารผ่านกระเพาะไปก่อน
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558