“อาคม”สั่งขบ.ศึกษาเพิ่มเกณฑ์สอบใบขับขี่ ฟื้นมาตรการตัดแต้มหล
Posted: 27 Feb 2015, 10:49
“อาคม”สั่งขบ.ศึกษาเพิ่มเกณฑ์สอบใบขับขี่ ฟื้นมาตรการตัดแต้มหลังอุบัติเหตุไทยพุ่ง
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
“อาคม”สั่งขบ.ศึกษาเพิ่มเกณฑ์สอบใบขับขี่ ฟื้นมาตรการตัดแต้มหลังอุบัติเหตุไทยพุ่ง
“อาคม”สั่งขบ.ศึกษายกระดับการออกใบขับขี่และฟื้นมาตรการตัดแต้มคุมพฤติกรรมหลังได้ใบขับขี่ไปแล้ว เล็งเพิ่มเกณฑ์ผ่านข้อเขียนจาก 90% เป็น 100 % และกำหนดหลักสูตรร.สอนขับรถเอกชน เพิ่มเงื่อนไขมีสนามสอนขับมาตรฐานแทนใช้ถนนจริง หวังลดการเกิดอุบัติเหตุของไทย
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังนายฌอง ทอดท์ ประธานสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ พร้อมด้วยนางมิเชล โหยว ภรรยา และคณะเข้าพบวานนี้ (26 ก.พ.) ว่า ทาง สมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติสนใจที่จะร่วมทำกิจกรรมด้านความปลอดภัยกับประเทศไทย เพื่อลดความสูญเสียซึ่งเป็นประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับต้นๆที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นจำนวนมากและเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยบนท้องถนนในระยะยาวของประเทศไทย เนื่องจากสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติได้ตระหนักถึงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
ทั้งนี้ ประเทศไทยให้ความสำคัญในการลดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งมาตรการนั้นมี ตั้งแต่ ปลุกจิตสำนึกวินัยผู้ขับขี่ซึ่งต้องมีการยกระดับการออกใบอนุญาตขับขี่ให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น การปรับปรุงคุณภาพถนนไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่โดยการแก้ไขปรับจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งและทางโค้งอันตราย ซึ่งกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ดำเนินการ การพัฒนาคุณภาพยานยนต์ต้องมีระบบความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยกำกับและตรวจสอบผู้ที่ขับรถฝ่าฝืนกฎหมายการจราจร เช่นการติดตั้ง GPS ในระบบรถโดยสารสาธารณะ การติดตั้ง RFID หรือ CCTV เพื่อตรวจจับความเร็วของรถ และสุดท้ายควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งรถจักรยานยนต์ควรสวมหมวกนิรภัย และควรมีการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง
นอกจากนี้ มีแนวคิดในการยกระดับการออกใบอนุญาตขับขี่และการกับดูแลพฤติกรรมหลังได้ใบขับขี่ไปแล้ว โดยให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรในการสอบใบขับขี่รถยนต์ และรถจักรยาน เช่น กรณีฝึกขับจากโรงเรียนสอนขับรถเอกชนจะต้องมีสนามฝึกขับรถที่ได้มาตรฐานแทนการสอนขับรถบนท้องถนนจริง หลักสูตรการเรียนขับรถอย่างน้อย 1-2 เดือน และต้องได้รับใบรับรองจากโรงเรียนก่อนจึงจะสามารถสอบใบขับขี่กับกรมการขนส่งฯได้, ปรับเกณฑ์ผ่านการสอบข้อเขียนจาก 90 % เป็น 100% ในอนาคต นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก เข้มงวดสำนักงานขนส่งตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ในการออกใบอนุญาตขับขี่ หลังมีการร้องเรียนว่าการขออนุญาตใบขับขี่ในตามต่างจังหวัดได้มาโดยไม่ต้องมีการทดสอบ
“ไทยมีกฎหมายที่เข้มข้นแต่อุบัติเหตุยังไม่ลดลง ดังนั้นต้องเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายให้มากขึ้น ซึ่งต้องร่วมมือกับหลายฝ่ายในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งตำรวจ กรมขนส่งฯ และท่องถิ่น ซึ่งในส่วนของกรมขนส่งฯ จะเข้มข้นในการออกใบขับขี่เพื่อให้ผู้ได้ใบขับขี่ตระหนักและเข้าใจในการขับขี่อย่างปลอดภัยและในอนาคตจะพิจารณารื้อฟื้นเรื่องการตัดแต้มกรณีทำผิดกฎจราจรขึ้นมาอีกครั้งด้วย เช่น ทำผิดกี่แต้ม จะต้องถูกห้ามขับรถกี่เดือน เป็นต้น เพื่อสร้างวินัยในการใช้รถใช้ถนน” นายอาคม กล่าว
ที่มาา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
“อาคม”สั่งขบ.ศึกษาเพิ่มเกณฑ์สอบใบขับขี่ ฟื้นมาตรการตัดแต้มหลังอุบัติเหตุไทยพุ่ง
“อาคม”สั่งขบ.ศึกษายกระดับการออกใบขับขี่และฟื้นมาตรการตัดแต้มคุมพฤติกรรมหลังได้ใบขับขี่ไปแล้ว เล็งเพิ่มเกณฑ์ผ่านข้อเขียนจาก 90% เป็น 100 % และกำหนดหลักสูตรร.สอนขับรถเอกชน เพิ่มเงื่อนไขมีสนามสอนขับมาตรฐานแทนใช้ถนนจริง หวังลดการเกิดอุบัติเหตุของไทย
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังนายฌอง ทอดท์ ประธานสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติ พร้อมด้วยนางมิเชล โหยว ภรรยา และคณะเข้าพบวานนี้ (26 ก.พ.) ว่า ทาง สมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติสนใจที่จะร่วมทำกิจกรรมด้านความปลอดภัยกับประเทศไทย เพื่อลดความสูญเสียซึ่งเป็นประเทศไทยจัดอยู่ในอันดับต้นๆที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนเป็นจำนวนมากและเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยบนท้องถนนในระยะยาวของประเทศไทย เนื่องจากสมาพันธ์ยานยนต์นานาชาติได้ตระหนักถึงการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน
ทั้งนี้ ประเทศไทยให้ความสำคัญในการลดอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งมาตรการนั้นมี ตั้งแต่ ปลุกจิตสำนึกวินัยผู้ขับขี่ซึ่งต้องมีการยกระดับการออกใบอนุญาตขับขี่ให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น การปรับปรุงคุณภาพถนนไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่โดยการแก้ไขปรับจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งและทางโค้งอันตราย ซึ่งกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ดำเนินการ การพัฒนาคุณภาพยานยนต์ต้องมีระบบความปลอดภัยและประหยัดพลังงาน การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยกำกับและตรวจสอบผู้ที่ขับรถฝ่าฝืนกฎหมายการจราจร เช่นการติดตั้ง GPS ในระบบรถโดยสารสาธารณะ การติดตั้ง RFID หรือ CCTV เพื่อตรวจจับความเร็วของรถ และสุดท้ายควรมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งรถจักรยานยนต์ควรสวมหมวกนิรภัย และควรมีการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง
นอกจากนี้ มีแนวคิดในการยกระดับการออกใบอนุญาตขับขี่และการกับดูแลพฤติกรรมหลังได้ใบขับขี่ไปแล้ว โดยให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรในการสอบใบขับขี่รถยนต์ และรถจักรยาน เช่น กรณีฝึกขับจากโรงเรียนสอนขับรถเอกชนจะต้องมีสนามฝึกขับรถที่ได้มาตรฐานแทนการสอนขับรถบนท้องถนนจริง หลักสูตรการเรียนขับรถอย่างน้อย 1-2 เดือน และต้องได้รับใบรับรองจากโรงเรียนก่อนจึงจะสามารถสอบใบขับขี่กับกรมการขนส่งฯได้, ปรับเกณฑ์ผ่านการสอบข้อเขียนจาก 90 % เป็น 100% ในอนาคต นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก เข้มงวดสำนักงานขนส่งตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ในการออกใบอนุญาตขับขี่ หลังมีการร้องเรียนว่าการขออนุญาตใบขับขี่ในตามต่างจังหวัดได้มาโดยไม่ต้องมีการทดสอบ
“ไทยมีกฎหมายที่เข้มข้นแต่อุบัติเหตุยังไม่ลดลง ดังนั้นต้องเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายให้มากขึ้น ซึ่งต้องร่วมมือกับหลายฝ่ายในการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งตำรวจ กรมขนส่งฯ และท่องถิ่น ซึ่งในส่วนของกรมขนส่งฯ จะเข้มข้นในการออกใบขับขี่เพื่อให้ผู้ได้ใบขับขี่ตระหนักและเข้าใจในการขับขี่อย่างปลอดภัยและในอนาคตจะพิจารณารื้อฟื้นเรื่องการตัดแต้มกรณีทำผิดกฎจราจรขึ้นมาอีกครั้งด้วย เช่น ทำผิดกี่แต้ม จะต้องถูกห้ามขับรถกี่เดือน เป็นต้น เพื่อสร้างวินัยในการใช้รถใช้ถนน” นายอาคม กล่าว
ที่มาา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558