นายแบงก์กระทุ้งธปท.แก้บาทแข็ง
Posted: 28 Feb 2015, 09:27
นายแบงก์กระทุ้งธปท.แก้บาทแข็ง
"กอบศักดิ์"ชี้บาทแข็งเหตุราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลด แนะธปท.เข้ามาบริหารจัดการให้เกิดความสมดุล
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นหากเทียบกับค่าเงินสกุลยูโร และค่าเงินเยนของญี่ปุ่นประมาณ 30% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่คู่แข่งการค้าของไทย เช่น สิงคโปร์อ่อนค่าลง 6-7% และมาเลเซีย 9% ทำให้การแข่งขันการทำธุรกิจของผู้ประกอบการทมีความยากลำบากมากขึ้น เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ดุลบัญชีการค้าเกินดุล เพราะประเทศไทยมีการนำเข้าน้ำมันในสัดส่วนที่สูงจึงเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยเห็นว่าแนวทางการแก้ปัญหาธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ควรเข้ามาบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดความสมดุล
“ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าไม่ได้เกิดจากภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้า-ออกในตลาดหุ้นไทย แต่มาจากราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้เกิดความไม่สมดุลของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งผู้ส่งออกมีความกังวลในเรื่องนี้มาก เพราะปริมาณส่งออกเท่าเดิมแต่มูลค่าสินค้าลดลงมาก และหากภาครัฐไม่เข้ามาแก้ปัญหาจะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม ทิศทางค่าเงินบาทของไทยยังมีความผันผวนเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด”
สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงนั้น ไม่ได้ผลมากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว และการส่งออกยังชะลอตัวจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ขณะที่การลงทุนภาครัฐยังล่าช้าทำให้การบริโภคในประเทศไม่ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากคนไทยมีปัญหาเรื่องภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ดังนั้นปัจจัยที่กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศขณะนี้คือการลงทุนของภาครัฐ เพราะหากมีการลงทุนเกิดขึ้นจริงทำให้มีนำเข้าเครื่องจักร หรือสินค้าต่าง ๆ มากขึ้น และช่วยสนับสนุนการบริโภคกลับคืนมา ซึ่งจะช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตามมองคือปัญหาเศรษฐกิจโลกว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อยแค่ไหน และการลงทุนของภาครัฐเกิดขึ้นจริงเท่าใด
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558
"กอบศักดิ์"ชี้บาทแข็งเหตุราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลด แนะธปท.เข้ามาบริหารจัดการให้เกิดความสมดุล
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นหากเทียบกับค่าเงินสกุลยูโร และค่าเงินเยนของญี่ปุ่นประมาณ 30% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่คู่แข่งการค้าของไทย เช่น สิงคโปร์อ่อนค่าลง 6-7% และมาเลเซีย 9% ทำให้การแข่งขันการทำธุรกิจของผู้ประกอบการทมีความยากลำบากมากขึ้น เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ดุลบัญชีการค้าเกินดุล เพราะประเทศไทยมีการนำเข้าน้ำมันในสัดส่วนที่สูงจึงเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยเห็นว่าแนวทางการแก้ปัญหาธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ควรเข้ามาบริหารจัดการ เพื่อให้เกิดความสมดุล
“ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าไม่ได้เกิดจากภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้า-ออกในตลาดหุ้นไทย แต่มาจากราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้เกิดความไม่สมดุลของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งผู้ส่งออกมีความกังวลในเรื่องนี้มาก เพราะปริมาณส่งออกเท่าเดิมแต่มูลค่าสินค้าลดลงมาก และหากภาครัฐไม่เข้ามาแก้ปัญหาจะเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตาม ทิศทางค่าเงินบาทของไทยยังมีความผันผวนเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด”
สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงนั้น ไม่ได้ผลมากนัก เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว และการส่งออกยังชะลอตัวจากปัญหาเศรษฐกิจโลก ขณะที่การลงทุนภาครัฐยังล่าช้าทำให้การบริโภคในประเทศไม่ได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากคนไทยมีปัญหาเรื่องภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง ดังนั้นปัจจัยที่กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศขณะนี้คือการลงทุนของภาครัฐ เพราะหากมีการลงทุนเกิดขึ้นจริงทำให้มีนำเข้าเครื่องจักร หรือสินค้าต่าง ๆ มากขึ้น และช่วยสนับสนุนการบริโภคกลับคืนมา ซึ่งจะช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงได้ ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตามมองคือปัญหาเศรษฐกิจโลกว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากน้อยแค่ไหน และการลงทุนของภาครัฐเกิดขึ้นจริงเท่าใด
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558