Page 1 of 1

เงินเฟ้อทะยานสูงสุดในรอบ5ปี

Posted: 03 Mar 2015, 11:32
by brid.ladawan
เงินเฟ้อทะยานสูงสุดในรอบ5ปี

เงินเฟ้อติดลบสูงสุดรอบ 5 ปี 5 เดือน “ พาณิชย์” ปรับเป้าเงินเฟ้อ 58 เหลือ 0.6-1.3%

นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือน ก.พ. 58เท่ากับ 106.15 ติดลบ 0.52% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นตัวเลขติดลบติดต่อ 2 เดือนและสูงสุดในรอบ5 ปี 5 เดือน ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 2 เดือนแรกของปี(ม.ค.-ก.พ.) ลดลง 0.47% เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ต่ำลง รวมถึงรัฐบาลมีการปรับลดค่ากระแสไฟฟ้าในช่วงเดือนม.ค.และมาตรการดูแลระดับราคาสินค้าให้กับประชาชนเพื่อลดค่าครองชีพ

“สินค้าสำคัญๆที่ลดและเพิ่มราคาเช่น ราคา น้ำมันเชื้อเพลิง ลด 20.92% ส่วนค่าโดยสารสาธารณะราคาเพิ่มขึ้น1.26% ค่าเช่าบ้าน หอพัก เพิ่มขึ้น 1.33% อาหารบริโภคนอกบ้าน 3.74% อาหารบริโภคในบ้าน 3.07% เครื่องประกอบอาหาร 2.94% เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ และสัตว์น้ำ 0.97%”

อย่างไรก็ตามเมื่อแยกเป็นรายการสินค้า450 รายการที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อ พบว่า มีสินค้าที่ราคาสูงขึ้น 165 รายการ สินค้าที่มีราคาคงที่ 184 รายการและสินค้าราคาลดลง 101 รายการ โดยราคาสินค้าลดลงเช่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม, น้ำยาล้างห้องน้ำ, น้ำขาล้างจาน, แชมพูสระผม,ค่าโดยสารรถประจำทางปรับอากาศชั้น1, เนื้อสุกร, ไก่สด,ไข่ไก่, แตงกวา,ผักกาดขาว,ผักคะน้า,ผักชี, ต้นหอม,ผักกาดหอมและหัวหอมแดง เป็นต้นส่วนสินค้าที่ปรับขึ้น เช่น หอยแครง, กะหล่ำปลี,มะนาว, มะระจีน,กระเทียม,ส้มเขียวหวาน, มะม่วง,แตงโม,ก๋วยเตี๋ยว และอาหารกลางวันเป็นต้น

นายสมเกียรติกล่าวว่า กระทรวงฯคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงไตรมาสแรก ปี 58 จะลดลง 0.4% แต่หลังจากไตรมาสแรกเชื่อว่าเงินเฟ้อจะเริ่มปรับตัวสูงโดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายที่คาดว่าจะมีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาขยับส่งผลเงินเฟ้อมีอัตราสูงขึ้น และทั้งปีกระทรวงฯได้มีการปรับประมาณการณ์เงินเฟ้อปี 58ใหม่ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวในกรอบ 1.8-2.5% เหลือ0.6-1.3% ภายใต้สมมุติฐานใหม่ คือระดับราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบเฉลี่ย 50-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน32-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และเศรษฐกิจไทยขยายตัว3-4%

“เหตุผลที่อัตราเงินเฟ้อลดลงมามากมาจากปัจจัยหลายอย่าง แต่ปัจจัยหลักๆคือราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวลดลงมากถามว่าจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดหรือไม่ ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ต้องรอดูสถานการณ์ราคาน้ำมันให้นิ่งกว่านี้ ถึงจะประเมินได้ เพราะน้ำมันที่ลดลงเป็นผลต่อต้นทุนสินค้าด้วยแต่ก็ยอมรับว่าคนมีการระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น”

พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ(กนป.)เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 58 มีมติไม่นำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศหลังจากได้นำเข้าไปแล้วเมื่อเดือน ก.พ.เพราะเห็นจากการประเมินสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในปะเทศยังอยู่ในภาวะปกติอีกทั้งในเดือน มี.ค. จะมีผลผลิตปาล์มออกมาจำนวนมาก และจะกลับสู่ภาวะปกติในเดือนเม.ย. ซึ่งจะมีเพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศจึงไม่จำเป็นต้องมีการน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศอีก

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีกชุดหนึ่งซึ่งประกอบด้วย เกษตรกร ผู้ประกอบการ ผู้บริโภค และภาคราชการ ที่จะเข้ามาทำงานร่วมกันเพื่อดูแลเรื่องของปาล์มน้ำมันโดยเฉพาะเรื่องการดูแลให้ทุกฝ่ายพึงพอใจและอยู่ได้ โดยคณะทำงานดังกล่าวจะมีการหารือร่วมกันภายในเดือน มี.ค. นี้เพื่อบริการจัดการดูแลปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้หารือกันถึงการขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการโรงงานสกัดฯ และลานเท รับซื้อผลปาล์มทะลายคุณภาพดี ในราคาคาไม่ต่ำกว่า 5 บาทในช่วงที่ผลผลิตปาล์มจะออกสู่ตลาดจำนวนมากเดือน มี.ค. นี้และยังได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ช่วยประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรตัดผลปาล์มที่สุกเต็มที่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม

“ในเดือนมี.ค.สต็อกปาล์มดิบและปาล์มน้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้นอีก และจะเข้าสู่ปกติในเดือน เม.ย.ซึ่งไม่จำเป็นต้องนำเข้าอีก ส่วนน้ำมันปาล์มดิบที่นำเข้ามาก่อนหน้านี้ได้นำไปบรรจุขวดขายแล้ว คิดเป็นปริมาณ 32.65 ล้านลิตรและยังเหลือที่พร้อมบรรจุขวดขายอีกประมาณ 4.65 ล้านลิตร”

สำหรับผลผลิตผลปาล์มดิบ คาดว่าในเดือนมี.ค. จะออกมาสู่ตลาด 889,000 ตัน เพิ่มสูงจากม.ค. ที่ออกสู่ตลาด 614,000 ตัน ขณะที่น้ำมันปาล์มดิบเดือน มี.ค.จะอยู่ที่ 151,000 ตัน จากเดือน ม.ค. ที่มีปริมาณ 104,000 ตันและสต็อกน้ำมันปาล์มจะจะเป็น 155,000 ตัน เพิ่มจาก ม.ค. ที่มีปริมาณ 84,200 ตันและในเดือนเดือนเม.ย. จะอยู่ที่ 210,000 ตัน


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 2 มีนาคม 2558