“ชิคเฟอร์นิช” พลิกธุรกิจสู่ร้อยล้าน

[brid.ladawan]

“ชิคเฟอร์นิช” พลิกธุรกิจสู่ร้อยล้าน


จากเฟอร์นิเจอร์หวายกว่า30ปี ที่ขายยากขายเย็นวันนี้ทายาทพร้อมเข้ามาพลิกธุรกิจ เลือกเดินเส้นทางใหม่ที่ตำราไม่ได้บอกไว้แต่"ประสบการณ์"เป็นคนสอน

“ครอบครัวทำเฟอร์นิเจอร์หวายเล็กๆ อยู่ในจังหวัดตราด ทำมากว่า 30 ปี ต้องเร่ขายเฟอร์นิเจอร์หวายไปตามงานต่างๆ ซึ่งก็ขายยาก และไม่ได้ทำเงินให้เยอะมาก”

ข้อมูลฉบับ “กระชับ” ที่ “หนึ่ง-อนัญพร มงคล” นักธุรกิจสาววัย 29 ปี แนะนำให้เราได้รู้จักกับธุรกิจครอบครัวของเธอ ซึ่งดูอย่างไรก็ไม่น่าจะใช่กิจการที่ “คูล” สำหรับคนรุ่นใหม่

ก่อนหน้านี้เธอทำงานเป็นวิศวกรอยู่บริษัทเคมีภัณฑ์ระดับโลก มีเงินเดือนแตะ 5 หมื่นบาท และยังมีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงาน เพราะไฟยังแรง และยังเด็ก แต่เธอกลับเลือกหันหลังให้วิถีลูกจ้าง มาสานต่อธุรกิจครอบครัวเมื่อ 6 ปี ก่อน เธอให้เหตุผลว่า ความเป็น “ผู้ประกอบการ” อยู่ในสายเลือด รู้ตัวตั้งแต่เด็กแล้วว่า เกิดมาเพื่อเป็นนักธุรกิจ และชอบทำธุรกิจ แม้ครอบครัวจะไม่ค่อยสนับสนุนนัก เพราะกลัวจะลำบากซ้ำรอยพ่อแม่ แต่สิ่งที่ทำให้เธอยังมั่นใจในธุรกิจของครอบครัว ก็แค่..

“เฟอร์นิเจอร์หวายต้องอาศัยช่างฝีมือในการทำ ทำให้ใครที่จะเข้ามาใหม่ ทำได้ยากมาก พอเห็นจุดเด่นนี้ เลยคิดว่า น่าจะหยิบธุรกิจของครอบครัวมาต่อยอด เพื่อทำให้ขายได้ และมีชื่อเสียงขึ้นมา”

เธอบอกจุดแข็งของสิ่งที่เรียกว่า “ฝีมือ” ผลผลิตจากประสบการณ์ตลอดกว่า 30 ปี ของครอบครัว และนั่นคือ “ต้นทุน”สำคัญที่สร้างแต้มต่อให้กับเกมครั้งนี้

แต่ถ้ายังทำอะไรแบบเดิมๆ ขายผ่านช่องทางเดิม หรือจะใช้กลยุทธ์แบบรุ่นพ่อแม่ ก็ดูท่าจะหนีไม่พ้นเจอชะตากรรมแบบเดียวกัน ฉะนั้นต้อง "คิดใหม่ ทำใหม่" หันมาขับเคลื่อนธุรกิจด้วยวิถีของคนพันธุ์เจน

จากการได้เห็นเฟอร์นิเจอร์แปลกตาและหลากหลายในต่างประเทศ ทำให้พบว่า หากมาปรับเรื่องของดีไซน์ ฟังก์ชัน และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ก็จะสามารถยกระดับเฟอร์นิเจอร์หวายบ้านๆ ให้ไปเข้ากับบ้านแบบใหม่ และไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้ เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์หวายกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น มีช่องทางที่กว้างขึ้น ที่สำคัญ ขายได้ราคาสูงขึ้นด้วย

มุมคิดที่เปลี่ยนไป นำมาซึ่งเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ “ชิคเฟอร์นิช” (chicfurniche) ที่ทำตลาดอยู่ในไทย และ “SARNN” (สาน) ที่ขายออกไปทั่วโลก ยกระดับเฟอร์นิเจอร์หวายสัญชาติไทยให้ทั้ง “พรีเมียม” และดู “ว้าว” ในสายตาของชาวต่างชาติ

ยุคนี้คนไม่ได้สื่อสารกันด้วยนกพิราบ แต่เป็นยุคโซเชียล ที่มนุษย์สื่อสารถึงกันตลอดเวลาผ่านออนไลน์ ฉะนั้นจะให้มานั่งหาบเร่ขายของต่อไปก็คงไม่ใช่ ก็แม้จะเริ่มจากภูธร แต่สินค้าคุณภาพคับกล่องขนาดนี้ ต้องมีโอกาสขายให้คนทั่วโลก!

นั่นคือที่มาของการเปิดเว็บไซต์ “ชิคเฟอร์นิช” ขึ้น (www.chicfurniche.com) เมื่อ 6 ปีก่อน และขยายมาเปิดหน้าร้านในห้างสรรพสินค้า ทั้งที่จังหวัดระยองและกรุงเทพ เพื่อให้ลูกค้าที่มีคำถามบนออนไลน์ ได้เห็นสินค้าจริงๆ ที่หน้าร้าน

ขายออนไลน์ดีงามแค่ไหน มาดูปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น

“ครั้งแรกที่เปิดขายออนไลน์ มีคนสนใจโทรเข้ามา ตอนนั้นก็คิดว่า เขาคงแค่โทรมาสอบถาม แต่ปรากฏเขาบอก ที่มีอยู่เอาหมดเลย!”

เธอบอกสถานการณ์ “เกินคาด” ที่เกิดขึ้นกับการเปิดร้านออนไลน์ครั้งแรก เมื่อลูกค้าไฮโซเจ้าของบ้านหรูหลายสิบล้านมาเปิดเนตรคนทำเฟอร์นิเจอร์หวาย ทำให้เธอเริ่มเห็นศักยภาพของสินค้าโฉมใหม่ ที่คงไม่ต้องไปเร่ขายให้เหนื่อยอีกแล้ว

จากช่องทางเดิมๆ ขายได้เดือนละ 5 หมื่นบาท ขยับเพิ่มมาเป็นเดือนละ 3-5 แสนบาท ด้วยพลังของออนไลน์ ขณะที่การปรับสินค้าและมุ่งหาตลาดใหม่ สามารถขยับราคาขายมาอยู่ที่หลักหมื่นไปจนถึงหลักแสนได้สบายๆ

จากนั้นธุรกิจก็เติบโตไปเรื่อยๆ แต่ใครจะคิดว่า ยิ่งโต ยิ่งขายดี ปัญหาก็ยิ่งถาโถมหนักขึ้น

“วันที่รายได้เริ่มขึ้นหลักแสน พอขายได้มากขึ้น ก็ต้องซื้อของมาผลิตเพิ่มขึ้น ก็เหมือนที่เขาว่า..ขายดีจนเจ๊งนั่นแหล่ะ”

เธอบอกสถานการณ์ “ไม่สู้ดี” ที่คำว่า “ขายดี” ดูท่าจะสวนทางกับคำว่า “ร่ำรวย” เมื่อธุรกิจเล็กๆ ต้องจ่ายเงินไปมหาศาลกับ ค่าวัสดุ ค่าเช่าร้าน ค่าจ้างแรงงาน ค่าใช้จ่ายจิปาถะที่เท่าทวีขึ้นไปตามสินค้าที่ขายได้ จนแทบหมุนเงินไม่ทัน
ที่มาของการปรับตัวรับการเติบโต เธอว่า มาดูสินค้าที่ค้างอยู่ และจัดการกับออเดอร์ให้ออกไปให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้เงินกลับมา เธอว่า ข้อดีของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ คือ เก็บเงินได้เร็ว ถ้าส่งของให้เร็วขึ้น ก็จะได้เงินเพิ่มมาอีกเป็นล้าน
ขณะที่ปัญหาอื่นๆ ก็ต้องค่อยๆ แก้ เธอว่า บางครั้งสิ่งที่ทำไปอาจเห็นผลช้า ก็ต้องรู้จักรอเวลาและหมั่นเรียนรู้ เพราะคนเราไม่ได้รู้ไปเสียทุกอย่าง แต่การเรียนรู้ จะทำให้เราเก่งขึ้น

“หนึ่งคิดเสมอว่า ถ้ายังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้ ก็ขอให้เรียนรู้ไปเลย เพราะไม่แน่ว่า นั่นอาจเป็นแค่สิ่งเดียวที่เรายังไม่รู้ แต่สามารถทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนได้” เธอบอก

ในมุมมองของผู้ประกอบการที่ชื่อ “อนัญพร” เธอเชื่อว่า ‘ความไม่รู้ ไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นสิ่งที่กำลังผลักดันให้เราไปสู่อีกขั้น อีกระดับหนึ่งเท่านั้น’

ขณะที่หลายสิ่งที่เรียนรู้ก็ไม่ได้มาจากตำรา แต่มาจากประสบการณ์ เธอว่า ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า! และเราไม่จำเป็นต้องไปโฟกัสที่ลูกค้า “ทุกคน” เมื่อลูกค้า 20% เท่านั้น ที่จะให้เงินเราถึง 80% ฉะนั้นเราควรใช้เวลากับคนกลุ่มนี้ แทนที่จะไปเสียเวลากับอีก 80%

“ต้องตัดลูกค้าที่ใช้เวลานาน แต่ได้กำไรน้อย ออกไป เราก็จะได้เซกเมนต์ลูกค้าที่เราพึงพอใจ ซึ่งการทำงานกับลูกค้ากลุ่มนี้ กำไรดี และมีความสุข ฉะนั้นต้องพยายามปรับโพรดักส์ให้ดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ให้มากที่สุด”

ธุรกิจที่เริ่มจากความไม่รู้ และความตั้งมั่นไม่ล้มเลิก จนสามารถค้นพบความสุขที่มาพร้อมกับเงินได้ วันนี้กลายเป็นเฟอร์นิเจอร์ “เนื้อหอม” ที่ส่งออกไปในกว่า 12 ประเทศ และใช้เวลาเพียง 2 ปี จากวันเริ่มต้น สร้างรายได้แตะร้อยล้านบาท! ทำแบบนี้ได้เพราะเธอบอกว่า ต้องเชื่อมั่นและเดินหน้าไม่หยุดนิ่ง

“สินค้าไทยขึ้นชื่ออยู่แล้ว เราไม่แพ้ชาติใดในโลก เพียงแต่เราต้อง Keep Moving คือ ทำไปเรื่อยๆ อย่าหยุด เขาบอกว่า สินค้าที่จะเริ่มตกอันดับ ก็เพราะว่านิ่ง ฉะนั้นเราต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สินค้าอยู่ในความทรงจำ อยู่ในความ ‘ระลึกได้’ ของลูกค้าไปตลอด”

ถามถึงข้อคิดในการทำงาน เธอย้ำว่า ทุกคนล้วนมีข้อด้อย ก็ต้องยอมรับให้ได้ และถ้าแก้ไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องแก้ แต่ให้หาคนที่จะมาช่วยเติมเต็มจุดอ่อนให้เราได้ หน้าที่ของเราก็แค่ ผลักดันจุดแข็งที่มีออกมาให้เต็มที่ ขณะที่อย่ามัวฟังคนอื่นมากไปหรือเชื่อทฤษฎีเกินไป จนลงมือทำน้อย แต่ขอให้ลงมือทำ และเรียนรู้ไประหว่างทำ ที่สำคัญ การทำงานไม่ใช่มุ่งแต่เงิน หรือกำไร แต่ขอให้หาความสุขด้วย

และนี่คือสูตรพลิกธุรกิจสู่ร้อยล้าน ที่ไม่ได้ให้กลับมาแค่ “ผลกำไร” แต่คือ “ความสุข” เต็มหัวใจด้วย


.............................................................
Key to success

สูตรธุรกิจฉบับ “ชิคเฟอร์นิช”


๐ มองหาจุดแข็ง และใช้เป็นแต้มต่อในธุรกิจ
๐ หากลุ่มเป้าหมายใหม่ ใช้ช่องทางใหม่บุกตลาด
๐ ส่งของให้เร็ว เท่ากับเก็บเงินได้เร็ว
๐ เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่รู้ จุดไหนอ่อน หาคนมาช่วย
๐ สนใจลูกค้า ที่ให้กำไรและความสุข
๐ เคลื่อนไหวอยู่ตลอดไม่หยุดนิ่ง
๐ อย่าเอาแต่คิด แต่ให้ลงมือทำ
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/deta ... sxVIx.dpuf


ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 05 มีนาคม 2558