15 องค์กรรัฐ-เอกชนรุมจวก คชก.ทำ EIA ล่าช้า ชง 5 แนวทางต่อ คส

Post Reply
brid.ladawan
Posts: 7045
Joined: 29 Mar 2013, 13:36

15 องค์กรรัฐ-เอกชนรุมจวก คชก.ทำ EIA ล่าช้า ชง 5 แนวทางต่อ คส

Post by brid.ladawan »

15 องค์กรรัฐ-เอกชนรุมจวก คชก.ทำ EIA ล่าช้า ชง 5 แนวทางต่อ คสช.ช่วยแก้ปัญหา

15 องค์กรรัฐ-เอกชนรุมจวก คชก.ทำ EIA ล่าช้า ชง 5 แนวทางต่อ คสช.ช่วยแก้ปัญหา
ตัวแทน 15 องค์กรร่วมหา 5 แนวทางเสนอ คสช.ช่วยแก้ปัยหา EIA อย่างยั่งยืน
วสท.ร่วมกับ 15 องค์กร เปิดเวทีเสนอแก้ปัญหา EIA เอกชน-หน่วยงานรัฐรุมจวก คชก.พิจารณาล่าช้าทำเสียหายทางเศรษฐกิจ ชี้ปัญหาใช้ดุลพินิจเกินขอบเขต เกณฑ์ปฏิบัติไม่มีมาตรฐาน เสนอแก้ไขออกคู่มือขอ EIA กระจายอำนาจพิจารณาสู่ท้องถิ่น การทางพิเศษโวยขอ EIA นานสุด 7 ปี ด้าน สผ.เผยเตรียมกระจายอำนาจสู่ กทม. และ 7 จังหวัดหัวเมืองใหญ่

นายไกร ตั้งสง่า ประธานคณะกรรมการสวัสดิการ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า วสท.ร่วมกับ 15 องค์การจัดเสวนา เรื่อง “ใบอนุญาต EIA...การปฏิรูปสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” เพื่อสรุปข้อเสนอแนะต่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการแก้ปัญหาการจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง และบรรยากาศการลงทุนของประเทศ ภายหลังการรวบรวมข้อเสนอแนะจาก 15 องค์กรแล้ว จะเสนอไปยัง คสช. ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน

สำหรับ 15 องค์กร ประกอบด้วย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.), สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย, สมาคมอาคารชุดไทย, สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร, สมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย, สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (สผ.), การรถไฟแห่งประเทศไทย, การรถไฟฟ้ามหานคร, กรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท, กรมชลประทาน, กรมที่ดิน, กรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมโยธาธิการและผังเมือง

การทางพิเศษโวยขอ EIA นานสุด 7 ปี

นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดทำโครงการต่างๆ ของการทางพิเศษฯ ถือเป็นโครงการที่ช่วยสร้างความเจริญสู่ท้องถิ่น และแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในการเดินทาง ใช้เส้นทางคมนาคม และภาคเศรษฐกิจ โดยทั่วไปโครงการของการทางพิเศษจะใช้ระยะเวลาในการขอ EIA นานตั้งแต่ 7 เดือน และบางโครงการนานถึง 7 ปี

การพิจารณาอนุมัติ EIA ที่ล่าช้าย่อมส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อประชาชน และความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และความล่าช้าอาจทำให้โครงการดังกล่าวไม่ผ่านการพิจารณางบประมาณในการก่อสร้างได้ สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน และภาคธุรกิจที่รอใช้เส้นทางคมนาคมมาอย่างยาวนาน


15 องค์กรรัฐ-เอกชนรุมจวก คชก.ทำ EIA ล่าช้า ชง 5 แนวทางต่อ คสช.ช่วยแก้ปัญหา
อธิป พีชานนท์
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องการเห็นการพัฒนาเมืองอย่างถูกต้อง ยั่งยืน และพร้อมที่จะดำเนินตามกฎ ข้อบังคับ แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขอ EIA พอสรุปได้ว่า 1.ไม่มีความชัดเจนในด้านการพิสูจน์ถูกผิดเหมือนหลักวิทยาศาสตร์ แต่อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัว เปลี่ยนแปลงไปตามคณะกรรมการแต่ละคน แต่ละช่วงเวลา การจัดทำรายงานแม้ว่าจะทำเหมือนเดิม แต่ต่างเวลา ต่าง คชก. เกณฑ์การพิจารณาก็จะต่างออกไป ซึ่งควรทำความเข้าใจให้ตรงกันเพื่อลดระยะเวลาในการพิจารณา และแก้ไข

2.ดุลพินิจของ คชก. จะเกี่ยวเนื่องต่อระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติ ซึ่งจะมีระยะเวลาเร็วสุด 4 เดือนครึ่ง ซึ่งมีให้เห็นน้อยมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 6-8 เดือน ไปจนถึง 13 เดือน ซึ่งระยะเวลาที่ช้าออกไปนั้นหมายถึงมีโครงการที่รออนุมัติเพิ่มมากขึ้น โดยปกติจะมีโครงการที่อยู่ระหว่างยื่น หรือเข้าคิวรออนุมัติประมาณ 200 โครงการ 3.ไม่ควรนำประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องต่อสิ่งแวดล้อมมาพิจารณา หรือพิจารณาเกินขอบเขตของ คชก. เพราะจะทำให้เกิดข้อยุ่งยาก เพิ่มระยะเวลาในการพิจารณา เพราะบางอย่างอยู่ในกฎหมายควบคุมอาคาร การขอใบอนุญาตก่อสร้างอยู่แล้ว

4.บริษัทที่ปรึกษามีจำนวนจำกัด ซึ่งบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญจัดทำรายงานแล้วผ่านการอนุมัติมีเพียงไม่กี่ราย ทำให้ผู้ประกอบการแห่ไปใช้บริการ ทำให้ค่าจ้างในการจัดทำรายงาน EIA ปรับขึ้นสูงมาก จากในอดีตเล่มละ 3 แสนบาท เพิ่มเป็น 6 แสน ไปจนถึง 1.3 ล้านบาท สาเหตุมาจากไม่มีการเผยแพร่วิธีการจัดทำรายงานที่ถูกต้อง ตัวอย่างของวิธีจัดการรายงานที่ไม่ผ่านการพิจารณา เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้ที่จัดทำรายงานรุ่นหลังจะได้ไม่ผิดพลาด

15 องค์กรรัฐ-เอกชนรุมจวก คชก.ทำ EIA ล่าช้า ชง 5 แนวทางต่อ คสช.ช่วยแก้ปัญหา
ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า แต่ละปีมีโครงการอาคารสูง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม และโรงแรมที่ต้องขออีไอเอจำนวนมากเฉลี่ยปีละ 500-600 โครงการ ทำให้เกิดปัญหาความล่าช้าในการพิจารณาขอ EIA อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ สผ. กำหนดกฎระเบียบ รายละเอียดการพิจารณาให้ชัดเจน และระยะเวลาการพิจารณาที่เหมาะสม รวมทั้งต้องการให้กำหนดมาตรฐานและความสม่ำเสมอในการพิจาณา เพราะปัจจุบันคณะกรรมการผู้ชำนาญการใช้ดุลพินิจแต่ละท่านในการพิจารณาไม่เกิดมาตรฐาน และไม่สามารถควบคุมได้

ทั้งนี้ คชก. ควรให้ความคิดเห็นเฉพาะด้านที่ตนมีความชำนาญ นอกจากปัญหาในการจัดทำอีไอเอแล้ว ผู้ประกอบการยังประสบปัญหาภายหลังจากผ่าน EIA หรืออาฟเตอร์ อีไอเอ เอฟเฟกต์ ตามมา กล่าวคือ ปัญหาจากชุมชนที่อยู่อาศัยใกล้เคียงร้องเรียน ฟ้องร้อง ซึ่ง คชก.ให้ทั้งสองฝ่ายไปเจรจา และหาข้อยุติกันเอง ป็นการเปิดช่องให้เกิดความไม่พอดีและเหมาะสมเกิดการเรียกร้องสิ่งอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวต่อการก่อสร้างโครงการ เพราะหากชุมชนไม่ยินยอมก็จะไม่สามารถก่อสร้างได้

ด้าน นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การกระจายอำนาจการพิจารณา EIA สู่ท้องถิ่นเป็นเรื่องที่ดี เพราะจำทำให้การพิจารณาเร็วขึ้น แต่ควรป้องกันการพิจารณาโครงการแบบหละหลวม หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของท้องถิ่น ดังนั้น จึงควรจัดทำคู้มือ กฎระเบียบข้อปฏิบัติ เพื่อเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาให้แก่ท้องถิ่น หรือมีการอบรมเพื่อให้มีความรู้ความสามารถก่อนกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณา

ชง 5 แนวทางต่อ คสช.ช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

สำหรับข้อเสนอแนวทางเพื่อแก้ไขรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA จาก 15 องค์กร ดังนี้ 1.แก้ปัญหาความล่าช้า ปกติการพิจารณาใบอนุญาต EIA ใช้เวลา 6 เดือน ความล่าช้าทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากต้นทุน และราคาวัสดุที่สูงขึ้น หรือภาวะตลาดผู้ซื้อเปลี่ยนไปแล้ว บางโครงการสาธารณูปโภค เช่น รถไฟสายบางซื่อ-มักกะสัน ใช้เวลาพิจารณาถึง 2-3 ปี บางโครงการยาวไปถึง 5 ปี

2.คุณภาพของบุคลากร และมาตรฐานการพิจารณาอนุมัติ เนื่องจากขั้นตอนการพิจารณาขาดความรู้ในโครงการ และขาดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการพิจารณาโครงการที่มีลักษณะที่ต่างกัน ควรแยกกลุ่มบุคคลที่พิจารณา EIA อาคารชุด ออกจากโครงการสาธารณูปโภค มีการเปลี่ยนบุคลากรทำให้การพิจารณาโครงการขาดความต่อเนื่อง

3.รัฐต้องเร่งทบทวนการทำงานของหน่วยงานที่พิจารณาอนุมัติโครงการให้ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สาเหตุหลักก็คือ การเลือกปฏิบัติ และขาดการบังคับใช้อย่างจริงจัง เช่น การขุดเจาะปิโตรเลียมประชิดชุมชนบนเกาะ และชายฝั่ง อีกทั้งตั้งอยู่บนฐานทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ และหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งวางไข่และเติบโตของปลาหลากหลายสายพันธุ์ หน่วยงานรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพิจารณาอนุญาตให้มีการขุดเจาะสำรวจ และผลิตปิโตรเลียม เช่น คณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและแผน (สผ.) กลับเพิกเฉยที่จะสั่งระงับโครงการ เพื่อให้มีการทบทวนตรวจสอบตามการเรียกร้องเป็นเวลากว่า 4 ปี ของประชาชนในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า เพื่อปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของชาติ

4.ต้องแก้ไขระเบียบเงื่อนไขกฎหมาย เพื่อการทำ EIA ที่สมบูรณ์ เช่น บริษัทหรือองค์กร ผู้ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมต้องมีความเป็นกลาง เป็นที่ยอมรับจากหน่วยงาน และองค์กรที่มีความเป็นกลางที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับ ปัจจุบัน บริษัทผู้รับศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในหลายโครงการ ถูกมองว่าไม่ค่อยมีความเป็นกลาง

5.ภาครัฐต้องทบทวนทำความเข้าใจต่อหลักสิทธิชุมชน และสิทธิมนุษยชน รัฐต้องคำนึงถึงหลักสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 66 และ 67 ที่กำหนดว่า ชุมชนท้องถิ่นมีสิทธิในการรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล และยั่งยืน เช่นเดียวกับหลักสิทธิมนุษยชน กฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ได้นิยามของสิทธิมนุษยชนครอบคลุมทั้งสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นสนธิสัญญาที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม

สผ.เล็งกระจายอำนาจสู่ กทม. และ 7 จังหวัดหัวเมืองใหญ่

นางปิยนันท์ โศภนคณาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการกระจายอำนาจการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ไปยังท้องถิ่น ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาและกำหนดระเบียบการสรรหาคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ของท้องถิ่นว่า หลักเกณฑ์และระเบียบเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะนำเสนอต่อที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าภายในเดือนกันยายน 2558 นี้ กา15 องค์กรรัฐ-เอกชนรุมจวก คชก.ทำ EIA ล่าช้า ชง 5 แนวทางต่อ คสช.ช่วยแก้ปัญหา
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

6 มีนาคม 2558 13:21 น. (แก้ไขล่าสุด 6 มีนาคม 2558 14:07 น.)
15 องค์กรรัฐ-เอกชนรุมจวก คชก.ทำ EIA ล่าช้า ชง 5 แนวทางต่อ คสช.ช่วยแก้ปัญหา
ตัวแทน 15 องค์กรร่วมหา 5 แนวทางเสนอ คสช.ช่วยแก้ปัยหา EIA อย่างยั่งยืน
วสท.ร่วมกับ 15 องค์กร เปิดเวทีเสนอแก้ปัญหา EIA เอกชน-หน่วยงานรัฐรุมจวก คชก.พิจารณาล่าช้าทำเสียหายทางเศรษฐกิจ ชี้ปัญหาใช้ดุลพินิจเกินขอบเขต เกณฑ์ปฏิบัติไม่มีมาตรฐาน เสนอแก้ไขออกคู่มือขอ EIA กระจายอำนาจพิจารณาสู่ท้องถิ่น การทางพิเศษโวยขอ EIA นานสุด 7 ปี ด้าน สผ.เผยเตรียมกระจายอำนาจสู่ กทม. และ 7 จังหวัดหัวเมืองใหญ่

นายไกร ตั้งสง่า ประธานคณะกรรมการสวัสดิการ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวว่า วสท.ร่วมกับ 15 องค์การจัดเสวนา เรื่อง “ใบอนุญาต EIA...การปฏิรูปสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” เพื่อสรุปข้อเสนอแนะต่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการแก้ปัญหาการจัดทำรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง และบรรยากาศการลงทุนของประเทศ ภายหลังการรวบรวมข้อเสนอแนะจาก 15 องค์กรแล้ว จะเสนอไปยัง คสช. ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน

สำหรับ 15 องค์กร ประกอบด้วย วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.), สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์, สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย, สมาคมอาคารชุดไทย, สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร, สมาคมวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย, สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (สผ.), การรถไฟแห่งประเทศไทย, การรถไฟฟ้ามหานคร, กรมทางหลวง, กรมทางหลวงชนบท, กรมชลประทาน, กรมที่ดิน, กรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกรมโยธาธิการและผังเมือง

การทางพิเศษโวยขอ EIA นานสุด 7 ปี

นายอัยยณัฐ ถินอภัย ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดทำโครงการต่างๆ ของการทางพิเศษฯ ถือเป็นโครงการที่ช่วยสร้างความเจริญสู่ท้องถิ่น และแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในการเดินทาง ใช้เส้นทางคมนาคม และภาคเศรษฐกิจ โดยทั่วไปโครงการของการทางพิเศษจะใช้ระยะเวลาในการขอ EIA นานตั้งแต่ 7 เดือน และบางโครงการนานถึง 7 ปี

การพิจารณาอนุมัติ EIA ที่ล่าช้าย่อมส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อประชาชน และความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และความล่าช้าอาจทำให้โครงการดังกล่าวไม่ผ่านการพิจารณางบประมาณในการก่อสร้างได้ สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน และภาคธุรกิจที่รอใช้เส้นทางคมนาคมมาอย่างยาวนาน


15 องค์กรรัฐ-เอกชนรุมจวก คชก.ทำ EIA ล่าช้า ชง 5 แนวทางต่อ คสช.ช่วยแก้ปัญหา
อธิป พีชานนท์
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ต้องการเห็นการพัฒนาเมืองอย่างถูกต้อง ยั่งยืน และพร้อมที่จะดำเนินตามกฎ ข้อบังคับ แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขอ EIA พอสรุปได้ว่า 1.ไม่มีความชัดเจนในด้านการพิสูจน์ถูกผิดเหมือนหลักวิทยาศาสตร์ แต่อยู่ในดุลพินิจของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ไม่มีหลักเกณฑ์ตายตัว เปลี่ยนแปลงไปตามคณะกรรมการแต่ละคน แต่ละช่วงเวลา การจัดทำรายงานแม้ว่าจะทำเหมือนเดิม แต่ต่างเวลา ต่าง คชก. เกณฑ์การพิจารณาก็จะต่างออกไป ซึ่งควรทำความเข้าใจให้ตรงกันเพื่อลดระยะเวลาในการพิจารณา และแก้ไข

2.ดุลพินิจของ คชก. จะเกี่ยวเนื่องต่อระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติ ซึ่งจะมีระยะเวลาเร็วสุด 4 เดือนครึ่ง ซึ่งมีให้เห็นน้อยมาก ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 6-8 เดือน ไปจนถึง 13 เดือน ซึ่งระยะเวลาที่ช้าออกไปนั้นหมายถึงมีโครงการที่รออนุมัติเพิ่มมากขึ้น โดยปกติจะมีโครงการที่อยู่ระหว่างยื่น หรือเข้าคิวรออนุมัติประมาณ 200 โครงการ 3.ไม่ควรนำประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องต่อสิ่งแวดล้อมมาพิจารณา หรือพิจารณาเกินขอบเขตของ คชก. เพราะจะทำให้เกิดข้อยุ่งยาก เพิ่มระยะเวลาในการพิจารณา เพราะบางอย่างอยู่ในกฎหมายควบคุมอาคาร การขอใบอนุญาตก่อสร้างอยู่แล้ว

4.บริษัทที่ปรึกษามีจำนวนจำกัด ซึ่งบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญจัดทำรายงานแล้วผ่านการอนุมัติมีเพียงไม่กี่ราย ทำให้ผู้ประกอบการแห่ไปใช้บริการ ทำให้ค่าจ้างในการจัดทำรายงาน EIA ปรับขึ้นสูงมาก จากในอดีตเล่มละ 3 แสนบาท เพิ่มเป็น 6 แสน ไปจนถึง 1.3 ล้านบาท สาเหตุมาจากไม่มีการเผยแพร่วิธีการจัดทำรายงานที่ถูกต้อง ตัวอย่างของวิธีจัดการรายงานที่ไม่ผ่านการพิจารณา เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่ผู้ที่จัดทำรายงานรุ่นหลังจะได้ไม่ผิดพลาด

15 องค์กรรัฐ-เอกชนรุมจวก คชก.ทำ EIA ล่าช้า ชง 5 แนวทางต่อ คสช.ช่วยแก้ปัญหา
ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า แต่ละปีมีโครงการอาคารสูง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม และโรงแรมที่ต้องขออีไอเอจำนวนมากเฉลี่ยปีละ 500-600 โครงการ ทำให้เกิดปัญหาความล่าช้าในการพิจารณาขอ EIA อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ สผ. กำหนดกฎระเบียบ รายละเอียดการพิจารณาให้ชัดเจน และระยะเวลาการพิจารณาที่เหมาะสม รวมทั้งต้องการให้กำหนดมาตรฐานและความสม่ำเสมอในการพิจาณา เพราะปัจจุบันคณะกรรมการผู้ชำนาญการใช้ดุลพินิจแต่ละท่านในการพิจารณาไม่เกิดมาตรฐาน และไม่สามารถควบคุมได้

ทั้งนี้ คชก. ควรให้ความคิดเห็นเฉพาะด้านที่ตนมีความชำนาญ นอกจากปัญหาในการจัดทำอีไอเอแล้ว ผู้ประกอบการยังประสบปัญหาภายหลังจากผ่าน EIA หรืออาฟเตอร์ อีไอเอ เอฟเฟกต์ ตามมา กล่าวคือ ปัญหาจากชุมชนที่อยู่อาศัยใกล้เคียงร้องเรียน ฟ้องร้อง ซึ่ง คชก.ให้ทั้งสองฝ่ายไปเจรจา และหาข้อยุติกันเอง ป็นการเปิดช่องให้เกิดความไม่พอดีและเหมาะสมเกิดการเรียกร้องสิ่งอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวต่อการก่อสร้างโครงการ เพราะหากชุมชนไม่ยินยอมก็จะไม่สามารถก่อสร้างได้

ด้าน นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การกระจายอำนาจการพิจารณา EIA สู่ท้องถิ่นเป็นเรื่องที่ดี เพราะจำทำให้การพิจารณาเร็วขึ้น แต่ควรป้องกันการพิจารณาโครงการแบบหละหลวม หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของท้องถิ่น ดังนั้น จึงควรจัดทำคู้มือ กฎระเบียบข้อปฏิบัติ เพื่อเป็นแนวทางประกอบการพิจารณาให้แก่ท้องถิ่น หรือมีการอบรมเพื่อให้มีความรู้ความสามารถก่อนกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นเป็นผู้พิจารณา

ชง 5 แนวทางต่อ คสช.ช่วยแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน

สำหรับข้อเสนอแนวทางเพื่อแก้ไขรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA จาก 15 องค์กร ดังนี้ 1.แก้ปัญหาความล่าช้า ปกติการพิจารณาใบอนุญาต EIA ใช้เวลา 6 เดือน ความล่าช้าทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากต้นทุน และราคาวัสดุที่สูงขึ้น หรือภาวะตลาดผู้ซื้อเปลี่ยนไปแล้ว บางโครงการสาธารณูปโภค เช่น รถไฟสายบางซื่อ-มักกะสัน ใช้เวลาพิจารณาถึง 2-3 ปี บางโครงการยาวไปถึง 5 ปี

2.คุณภาพของบุคลากร และมาตรฐานการพิจารณาอนุมัติ เนื่องจากขั้นตอนการพิจารณาขาดความรู้ในโครงการ และขาดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการพิจารณาโครงการที่มีลักษณะที่ต่างกัน ควรแยกกลุ่มบุคคลที่พิจารณา EIA อาคารชุด ออกจากโครงการสาธารณูปโภค มีการเปลี่ยนบุคลากรทำให้การพิจารณาโครงการขาดความต่อเนื่อง

3.รัฐต้องเร่งทบทวนการทำงานของหน่วยงานที่พิจารณาอนุมัติโครงการให้ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สาเหตุหลักก็คือ การเลือกปฏิบัติ และขาดการบังคับใช้อย่างจริงจัง เช่น การขุดเจาะปิโตรเลียมประชิดชุมชนบนเกาะ และชายฝั่ง อีกทั้งตั้งอยู่บนฐานทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์ และหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งวางไข่และเติบโตของปลาหลากหลายสายพันธุ์ หน่วยงานรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการพิจารณาอนุญาตให้มีการขุดเจาะสำรวจ และผลิตปิโตรเลียม เช่น คณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและแผน (สผ.) กลับเพิกเฉยที่จะสั่งระงับโครงการ เพื่อให้มีการทบทวนตรวจสอบตามการเรียกร้องเป็นเวลากว่า 4 ปี ของประชาชนในพื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า เพื่อปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของชาติ

4.ต้องแก้ไขระเบียบเงื่อนไขกฎหมาย เพื่อการทำ EIA ที่สมบูรณ์ เช่น บริษัทหรือองค์กร ผู้ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมต้องมีความเป็นกลาง เป็นที่ยอมรับจากหน่วยงาน และองค์กรที่มีความเป็นกลางที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับ ปัจจุบัน บริษัทผู้รับศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในหลายโครงการ ถูกมองว่าไม่ค่อยมีความเป็นกลาง

5.ภาครัฐต้องทบทวนทำความเข้าใจต่อหลักสิทธิชุมชน และสิทธิมนุษยชน รัฐต้องคำนึงถึงหลักสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 66 และ 67 ที่กำหนดว่า ชุมชนท้องถิ่นมีสิทธิในการรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล และยั่งยืน เช่นเดียวกับหลักสิทธิมนุษยชน กฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญไทย ได้นิยามของสิทธิมนุษยชนครอบคลุมทั้งสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นสนธิสัญญาที่ประเทศไทยมีพันธกรณีที่ต้องปฏิบัติตาม

สผ.เล็งกระจายอำนาจสู่ กทม. และ 7 จังหวัดหัวเมืองใหญ่

นางปิยนันท์ โศภนคณาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการกระจายอำนาจการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ไปยังท้องถิ่น ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาและกำหนดระเบียบการสรรหาคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) ของท้องถิ่นว่า หลักเกณฑ์และระเบียบเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะนำเสนอต่อที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ คาดว่าภายในเดือนกันยายน 2558 นี้ การกระจายอำนาจการพิจารณา EIA ไปยังท้องถิ่นจะแล้วเสร็จ

อย่างไรก็ตาม การรับพิจารณา EIA ขึ้นอยู่กับความพร้อมของท้องถิ่นด้วย ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการหลังจากที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ได้เห็นชอบเมื่อเดือนกันยายน 2557 ที่จะมีการกระจายอำนาจการพิจารณาไปยังกรุงเทพมหานคร และอีก 7 จังหวัด คือ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี

“สำหรับกรุงเทพมหานคร จะกระจายอำนาจการพิจารณา EIA ครอบคลุมทุกกลุ่มอาคารที่เข้าข่ายต้องจัดทำ EIA ตั้งแต่อาคารที่มีขนาด 80 ห้องขึ้นไป จนถึงอาคารขนาดใหญ่พิเศษ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ สำนักสิ่งแวดล้อม ส่วนอีก 7 จังหวัดจะกระจายอำนาจเฉพาะอาคารที่มีความสูงไม่เกิน 23 เมตร พื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 1 หมื่นตารางเมตร” นางปิยนันท์ กล่าว

ส่วนกรณีที่เอกชนระบุว่า กระบวนการพิจารณาอีไอเอมีความล่าช้า โครงการที่เข้าข่ายต้องจัดทำ EIA ทาง สผ. จะพิจารณาภายใน 30 วัน ก่อนเสนอต่อ คชก.พิจารณารอบแรกภายใน 45 วัน หากต้องปรับปรุงแก้ไข ผู้ประกอบการสามารถยื่นรอบที่ 2 ระยะเวลาพิจารณาไม่เกิน 30 วัน ซึ่งความรวดเร็ว หรือล่าช้าขึ้นกับว่าผู้ยื่นจะมีความพร้อม หรือใช้ระยะเวลาแก้ไขนานเท่าไรก่อนที่จะยื่นขออนุญาตในแต่ละรอบ รกระจายอำนาจการพิจารณา EIA ไปยังท้องถิ่นจะแล้วเสร็จ

อย่างไรก็ตาม การรับพิจารณา EIA ขึ้นอยู่กับความพร้อมของท้องถิ่นด้วย ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการหลังจากที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ได้เห็นชอบเมื่อเดือนกันยายน 2557 ที่จะมีการกระจายอำนาจการพิจารณาไปยังกรุงเทพมหานคร และอีก 7 จังหวัด คือ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และสุราษฎร์ธานี

“สำหรับกรุงเทพมหานคร จะกระจายอำนาจการพิจารณา EIA ครอบคลุมทุกกลุ่มอาคารที่เข้าข่ายต้องจัดทำ EIA ตั้งแต่อาคารที่มีขนาด 80 ห้องขึ้นไป จนถึงอาคารขนาดใหญ่พิเศษ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ สำนักสิ่งแวดล้อม ส่วนอีก 7 จังหวัดจะกระจายอำนาจเฉพาะอาคารที่มีความสูงไม่เกิน 23 เมตร พื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 1 หมื่นตารางเมตร” นางปิยนันท์ กล่าว

ส่วนกรณีที่เอกชนระบุว่า กระบวนการพิจารณาอีไอเอมีความล่าช้า โครงการที่เข้าข่ายต้องจัดทำ EIA ทาง สผ. จะพิจารณาภายใน 30 วัน ก่อนเสนอต่อ คชก.พิจารณารอบแรกภายใน 45 วัน หากต้องปรับปรุงแก้ไข ผู้ประกอบการสามารถยื่นรอบที่ 2 ระยะเวลาพิจารณาไม่เกิน 30 วัน ซึ่งความรวดเร็ว หรือล่าช้าขึ้นกับว่าผู้ยื่นจะมีความพร้อม หรือใช้ระยะเวลาแก้ไขนานเท่าไรก่อนที่จะยื่นขออนุญาตในแต่ละรอบ

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 6 มีนาคม 2558
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”