ร้องรัฐเพิ่มสิทธิประโยชน์ลงทุน
Posted: 09 Mar 2015, 13:49
ร้องรัฐเพิ่มสิทธิประโยชน์ลงทุน
หอการค้า 3 จังหวัดชายแดนวอนรัฐเพิ่มสิทธิประโยชน์จูงใจนักลงทุน หลังเจอปัญหาความไม่สงบทำนักลงทุนเผ่นหนีกระเจิง แนะเปิดช่องดึงนักธุรกิจมาเลเซียเชื้อสายจีนเข้าลงทุน
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าไทย และประธานกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ 5 ภาค เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประกอบด้วยจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เสนอให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มให้ประโยชน์สิทธิพิเศษต่างๆและมากกว่าพื้นที่อื่นๆ เพื่อจูงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในพื้นที่มากขึ้น หลังจากการค้า การลงทุนในพื้นที่เงียบมาก เนื่องจากผู้ประกอบการในพื้นที่มองว่าการทำธุรกิจใน 3 จังหวัดมีความเสี่ยงเหมือนกับอยู่ในสถานการณ์ภาวะสงครามจากผู้ที่ไม่หวังดีที่ต้องการปั่นป่วนความสงบสุขของประเทศ
ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลจะให้สิทธิพิเศษด้านการลดหย่อนภาษี และ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ใน 5 จังหวัดชายแดนใต้เหมือนกันหมด ประกอบด้วยสงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส ทำให้นักลงทุนไปเลือกลงทุนตั้งโรงงานในจังหวัด สงขลา หรือ สตูล แทนเพราะมีความสงบมากกว่าที่จะไปลงทุนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ขณะเดียวกันอยากให้รัฐบาลส่งเสริมการลงทุนโดยให้บริษัทต่างๆ สามารถเงินภาษีนิติบุคคลที่จะจ่ายให้ภาครัฐนำไปเป็นเงินลงทุนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ เพราะตรงนี้เชื่อว่าจะจูงใจให้บริษัทต่างๆของไทยเข้ามาตั้งโรงงานและผลักดันให้เกิดการจ้างงานคนในพื้นที่ได้มาก
นอกจากนี้ต้องการให้รัฐบาลเปิดรับให้นักธุรกิจชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนเข้ามาลงทุนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอาจจะมีสิทธิพิเศษต่างๆ เพราะนักธุรกิจกลุ่มทำธุรกิจในมาเลเซียไม่สะดวก เนื่องจากรายใดต้องตั้งโรงงานก็ไม่สามารถใช้ชื่อตัวเองเป็นเจ้าของได้แต่ต้องให้คนมาเลเซียเป็นเจ้าของกิจการเท่านั้น ซึ่งเปรียบเสมือนว่ากลุ่มคนนี้เป็นชนชันที่ 2 ของมาเลเซีย
“เป็นข้อเสนอของหอการค้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องหาสิทธิประโยชน์จูงใจให้มากๆกว่าพื้นที่อื่น เพราะไม่เช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้ามาลงทุนใน 3 จังหวัด ขณะที่คนในพื้นที่บางรายก็ยังไปลงทุนนอก 3 จังหวัดเลย ดังนั้นหากมีมาตรการจูงใจดีๆรับรองจะมีคนกล้าเสี่ยงมาลงทุนเหมือนกัน โดยทางหอการค้าฯจะนำเรื่องนี้เสนอให้คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ(กรอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้พิจารณาต่อไป”
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ประเด็นที่หอการค้าใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้เสนอมานั้นคือมาตรการการช่วยเหลือภาคธุรกิจของรัฐบาลก็ควรให้มีการครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 5 จังหวัดไม่ใช่ไม่ให้ครอบคลุมจังหวัดสงขลาและสตูล แต่ในรายละเอียดของการให้ความช่วยเหลือธุรกิจแต่ละพื้นที่ ควรมีความแตกต่างกัน ตามสภาพเงื่อนไขในพื้นที่ คือพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบรายวัน ให้มีการช่วยเหลือในระดับหนึ่ง ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม คือ จ.สตูล และสงขลา ก็ควรมีการช่วยเหลือในอีกระดับหนึ่ง
นายสมเกียรติ กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในต่างจังหวัดปี 58 ว่า ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงทุกภาค ยกเว้น ภาคตะวันออก ที่ยังขยายตัวได้ดีกว่าภาคอื่นๆ โดยเศรษฐกิจต่างจังหวัดที่เจอมากที่สุดคือการบริโภคที่ชะลอตัวและหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรกที่ตกต่ำ ซึ่งทั้งหมดได้กระทบภาคการค้าโดยตรง ส่วนการค้าชายแดนของไทยที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านตามด่านต่างๆก็ถือว่าขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจของเพื่อนบ้านเติบโตมาก
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 8 มีนาคม 2558
หอการค้า 3 จังหวัดชายแดนวอนรัฐเพิ่มสิทธิประโยชน์จูงใจนักลงทุน หลังเจอปัญหาความไม่สงบทำนักลงทุนเผ่นหนีกระเจิง แนะเปิดช่องดึงนักธุรกิจมาเลเซียเชื้อสายจีนเข้าลงทุน
นายสมเกียรติ อนุราษฎร์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าไทย และประธานกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ 5 ภาค เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประกอบด้วยจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส เสนอให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มให้ประโยชน์สิทธิพิเศษต่างๆและมากกว่าพื้นที่อื่นๆ เพื่อจูงนักลงทุนเข้ามาลงทุนในพื้นที่มากขึ้น หลังจากการค้า การลงทุนในพื้นที่เงียบมาก เนื่องจากผู้ประกอบการในพื้นที่มองว่าการทำธุรกิจใน 3 จังหวัดมีความเสี่ยงเหมือนกับอยู่ในสถานการณ์ภาวะสงครามจากผู้ที่ไม่หวังดีที่ต้องการปั่นป่วนความสงบสุขของประเทศ
ทั้งนี้ที่ผ่านมารัฐบาลจะให้สิทธิพิเศษด้านการลดหย่อนภาษี และ ค่าธรรมเนียมต่างๆ ใน 5 จังหวัดชายแดนใต้เหมือนกันหมด ประกอบด้วยสงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส ทำให้นักลงทุนไปเลือกลงทุนตั้งโรงงานในจังหวัด สงขลา หรือ สตูล แทนเพราะมีความสงบมากกว่าที่จะไปลงทุนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ขณะเดียวกันอยากให้รัฐบาลส่งเสริมการลงทุนโดยให้บริษัทต่างๆ สามารถเงินภาษีนิติบุคคลที่จะจ่ายให้ภาครัฐนำไปเป็นเงินลงทุนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ เพราะตรงนี้เชื่อว่าจะจูงใจให้บริษัทต่างๆของไทยเข้ามาตั้งโรงงานและผลักดันให้เกิดการจ้างงานคนในพื้นที่ได้มาก
นอกจากนี้ต้องการให้รัฐบาลเปิดรับให้นักธุรกิจชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนเข้ามาลงทุนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอาจจะมีสิทธิพิเศษต่างๆ เพราะนักธุรกิจกลุ่มทำธุรกิจในมาเลเซียไม่สะดวก เนื่องจากรายใดต้องตั้งโรงงานก็ไม่สามารถใช้ชื่อตัวเองเป็นเจ้าของได้แต่ต้องให้คนมาเลเซียเป็นเจ้าของกิจการเท่านั้น ซึ่งเปรียบเสมือนว่ากลุ่มคนนี้เป็นชนชันที่ 2 ของมาเลเซีย
“เป็นข้อเสนอของหอการค้า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ต้องหาสิทธิประโยชน์จูงใจให้มากๆกว่าพื้นที่อื่น เพราะไม่เช่นนั้นก็ไม่มีใครกล้ามาลงทุนใน 3 จังหวัด ขณะที่คนในพื้นที่บางรายก็ยังไปลงทุนนอก 3 จังหวัดเลย ดังนั้นหากมีมาตรการจูงใจดีๆรับรองจะมีคนกล้าเสี่ยงมาลงทุนเหมือนกัน โดยทางหอการค้าฯจะนำเรื่องนี้เสนอให้คณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ(กรอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้พิจารณาต่อไป”
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ประเด็นที่หอการค้าใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้เสนอมานั้นคือมาตรการการช่วยเหลือภาคธุรกิจของรัฐบาลก็ควรให้มีการครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 5 จังหวัดไม่ใช่ไม่ให้ครอบคลุมจังหวัดสงขลาและสตูล แต่ในรายละเอียดของการให้ความช่วยเหลือธุรกิจแต่ละพื้นที่ ควรมีความแตกต่างกัน ตามสภาพเงื่อนไขในพื้นที่ คือพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบรายวัน ให้มีการช่วยเหลือในระดับหนึ่ง ส่วนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม คือ จ.สตูล และสงขลา ก็ควรมีการช่วยเหลือในอีกระดับหนึ่ง
นายสมเกียรติ กล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในต่างจังหวัดปี 58 ว่า ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงทุกภาค ยกเว้น ภาคตะวันออก ที่ยังขยายตัวได้ดีกว่าภาคอื่นๆ โดยเศรษฐกิจต่างจังหวัดที่เจอมากที่สุดคือการบริโภคที่ชะลอตัวและหนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นจากราคาสินค้าเกษตรกที่ตกต่ำ ซึ่งทั้งหมดได้กระทบภาคการค้าโดยตรง ส่วนการค้าชายแดนของไทยที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านตามด่านต่างๆก็ถือว่าขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง เพราะเศรษฐกิจของเพื่อนบ้านเติบโตมาก
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 8 มีนาคม 2558