สสปน.ขนทัพ30นักธุรกิจไมซ์ ร่วม'เอม2015'รุกโอเชียเนีย
Posted: 10 Mar 2015, 09:29
สสปน.ขนทัพ30นักธุรกิจไมซ์ ร่วม'เอม2015'รุกโอเชียเนีย
นำทัพผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในอุตสาหกรรมการประชุมไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท การบินไทย ศูนย์ประชุม หรือผู้รับจัดงานไมซ์ของไทยกว่า 30 ราย เข้าร่วมงานเทรดโชว์ เดอะเอเชีย-แปซิฟิกอินเซนทีฟส์ แอนด์ มีทติงส์เอ็กซ์โป
ปัจจุบันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวเดินได้อย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะในปี 58 นี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาวางเป้าหมายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวแบบก้าวกระโดดถึง 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ท้าทายและจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยกลไกจากการท่องเที่ยวในหลายรูปแบบ เข้ามาช่วยผลักดันให้ประสบผลสำเร็จ
หนึ่งในรูปแบบการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงและได้รับการพูดถึงอย่างมากคือ การท่องเที่ยวเชิงการจัดประชุมและนิทรรศการหรือ “ไมซ์” ซึ่งมีสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ทีเส็บเป็นผู้ดูแลส่งเสริมอยู่โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถือว่ามีการเติบโตต่อเนื่องในตลอดหลายปี และสูงกว่าภาพรวมของการท่องเที่ยวทั้งหมด ที่สำคัญยังจัดเป็นนักท่องเที่ยวเกรดเอที่เข้ามาอยู่และจับจ่ายใช้สอยเยอะกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 4-5 เท่าตัวด้วย
กลุ่มไมซ์ค่าใช้จ่ายสูง
สถิติจาก สสปน. ล่าสุดระบุว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ในประเทศไทยซึ่งประกอบด้วย 4 ส่วน คือกลุ่มมีทติ้งที่เข้ามาจัดประชุม กลุ่มอินเซนทีฟที่มาท่องเที่ยวแบบหมู่คณะ จากการได้รางวัลของบริษัทกลุ่มคอนเวนชั่นที่จัดประชุมขนาดใหญ่และกลุ่มเอ็กซิบิชั่นที่จัดงานแสดงสินค้า มีการใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึงคนละ 8-9 หมื่นบาทต่อทริป และอยู่อาศัยเฉลี่ยนานถึง 4-5 วันเลยทีเดียว
ประเทศที่นิยมเข้ามาจัดประชุมและนิทรรศการในเมืองไทย อันดับหนึ่งยังมาจากจีน รองลงมาเป็นชาติในเอเชียและสหรัฐอเมริกา แต่นอกเหนือจากนั้นยังมีออสเตรเลียและโอเชียเนีย เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ ซึ่งแม้ปัจจุบันมีรายได้เป็นอันดับ 6 ของไทยแต่มีแนวโน้มเติบโตไปได้สวยโดยปี 57 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยถึง 47,446 คน เติบโต 81% และสร้างรายได้ถึง 4,442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76%
รุกตลาดใหม่โอเชียเนีย
หัวเรือใหญ่อย่าง สสปน. ได้เห็นถึงความสำคัญของตลาดไมซ์ในโอเชียเนียเช่นกัน และระหว่างวันที่ 24-25 ก.พ. ที่ผ่านมา นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการทีเส็บ ได้นำทัพผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในอุตสาหกรรมการประชุมไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท การบินไทย ศูนย์ประชุม หรือผู้รับจัดงานไมซ์ของไทยกว่า 30 ราย เข้าร่วมงานเทรดโชว์ เดอะเอเชีย-แปซิฟิกอินเซนทีฟส์ แอนด์ มีทติงส์เอ็กซ์โป หรือ เอม 2015 ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
“เอม 2015” นับเป็นงานเทรดโชว์ที่เป็นศูนย์รวมงานแสดงสินค้าทางอุตสาหกรรมการประชุมที่มีขนาดใหญ่และได้รับการยอมรับสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีตัวแทนอุตสาหกรรมไมซ์จากหลายสิบประเทศในโซนเอเชีย โอเชียเนียเข้าร่วมออกงานอย่างคึกคักและมีลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงจากออสเตรเลียและชาติอื่นทั่วโลกเข้าร่วมเจรจาทำธุรกิจไม่ต่ำกว่า 3,000 คน ดังนั้น “เอม 2015” จึงเป็นเวทีสำคัญที่จะนำนักธุรกิจไทยไปพบปะทำธุรกิจระดับนานาชาติตลอดจนแลกเปลี่ยนความรู้สร้างเครือข่ายในอุตสาหกรรมไมซ์ในระดับอินเตอร์
ขนเอกลักษณ์ไทยมาดึงดูด
การเข้าร่วมงานปีนี้ประเทศไทย โดย สสปน. ได้นำจุดเด่นเอกลักษณ์ความเป็นไทยมาใช้เป็นจุดขายเริ่มตั้งแต่การออกแบบดีไซน์คูหาศาลาไทย ที่มีการจัดเป็นหลังคาไทยทรงสูงสีเหลืองโดดเด่นและเปิดพื้นที่โล่งให้มีการจับคู่เจรจาธุรกิจ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานจำนวนมาก และทำให้ไทยได้รับรางวัลชนะเลิศประเทศที่มีการจัดแสดงพื้นที่ยอดเยี่ยม ประเภทขนาดมากกว่า 36 ตารางเมตร ปีนี้ไปครอง
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวแคมเปญไทยแลนด์ คอนเน็ค เดอะ เวิลด์ เป็นครั้งแรกในออสเตรเลีย ด้วยการโชว์ความพร้อมของไทยใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านสาธารณูปโภค ด้านโอกาสทางธุรกิจ และด้านบุคลากรที่มีคุณภาพเป็นจุดขาย รวมถึงมีการจัดแคมเปญต่อยอดแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการโปรโมตกิจกรรมตอบแทนสังคม (ซีเอสอาร์) ภายใต้แนวคิดไทยแลนด์ อินสไปเรชั่น เดสทิเนชั่น “เอ็นฮานซ์ แวลู ทู ยัวร์ อีเวนต์”
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวโอเชียเนีย ที่่นิยมการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ธรรมชาติ และชื่นชอบการทำกิจกรรมดี ๆ อีกทั้งยังสอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวโลกที่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมซีเอสอาร์ โดยทีเส็บได้มีการชูจุดขายใน 3 พื้นที่ ได้แก่กลุ่มพื้นที่ชายหาดทางใต้ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา ซึ่งสามารถทำกิจกรรมปล่อยเต่าทะเล ปลูกปะการังเทียม กลุ่มพื้นที่ป่าเขาทางเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย เน้นกิจกรรมปลูกป่าสร้างฝาย ร่วมดูแลช่วยเหลือช้าง และกลุ่มเมืองใน พระนครศรีอยุธยาและสมุทรสาคร นำเสนอกิจกรรมจิตอาสาในโรงเรียน
เสียงตอบรับท่วมท้นงาน
สำหรับโปรแกรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเหล่านี้ถือว่าได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมงานโดยทีเส็บประเมินว่าการร่วมงานครั้งนี้ก่อให้เกิดการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับลูกค้าต่างประเทศไม่น้อยกว่า 600 นัดหมาย และช่วยผลักดันให้รายได้ตลาดไมซ์ในโอเชียเนียปี 58 เพิ่มเป็น 4,395 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวมาไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคนโดยมีกลุ่มมีทติ้ง และอินเซนทีฟเป็นฐานลูกค้าสำคัญ
ขณะที่ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน มีความพอใจที่ได้ร่วมงาน อย่างกลุ่มโรงแรมดาราเทวีเชียงใหม่ ซึ่งมาร่วมเป็นครั้งแรก บอกว่าเพียงวันแรกมีลูกค้าต้องการนำกลุ่มทัวร์มาถึง 100 คน สำนักงานพัฒนาพิงคนคร ก็ใช้โอกาสนี้เปิดตัวให้ชาวออสซี่รู้จักเชียงใหม่มากขึ้น รวมถึงบริษัทอีเวนท์ทราเวล เอเชีย น้องใหม่ไฟแรง ก็เดินทางเข้ารักษาฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นอกจากนี้หลังจากจบงานเอม 2015 ทีเส็บยังได้ร่วมกับการบินไทยจัดงาน “ออสเตรเลีย เน็ตเวิร์กกิ้งอีเวนต์” ต่อเนื่องที่เมืองเมลเบิร์น และเมืองเพิร์ท โดยเชิญกลุ่มลูกค้าไมซ์ทั้ง 2 เมือง เมืองละ 40 ราย มาพบปะต่อยอดธุรกิจร่วมกับผู้ประกอบการไทย ขณะที่มุมมองจากนักธุรกิจและผู้ซื้อต่างชาติทั้งออสเตรเลีย เอเชีย และยุโรปที่มีต่อประเทศไทยก็เห็นว่า ไทยยังมีความน่าสนใจอยู่เพราะมีความหลากหลายในการท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
จากการร่วมงานเอม 2015 ครั้งนี้ นายนพรัตน์ ผอ.ทีเส็บได้แสดงความมั่นใจว่า จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่ทำให้แผนการสร้างรายได้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยปีนี้สำเร็จตามเป้าหมาย มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามากว่า 1 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และหลังจากนี้ สสปน. ยังเตรียมเข้าร่วมงานเทรดโชว์ระดับโลกอีก 8-9 งาน เพื่อประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติเพิ่มขึ้น.
ทีมเศรษฐกิจ
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 10 มีนาคม 2558
นำทัพผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในอุตสาหกรรมการประชุมไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท การบินไทย ศูนย์ประชุม หรือผู้รับจัดงานไมซ์ของไทยกว่า 30 ราย เข้าร่วมงานเทรดโชว์ เดอะเอเชีย-แปซิฟิกอินเซนทีฟส์ แอนด์ มีทติงส์เอ็กซ์โป
ปัจจุบันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวเดินได้อย่างแข็งแกร่งโดยเฉพาะในปี 58 นี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาวางเป้าหมายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวแบบก้าวกระโดดถึง 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ท้าทายและจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยกลไกจากการท่องเที่ยวในหลายรูปแบบ เข้ามาช่วยผลักดันให้ประสบผลสำเร็จ
หนึ่งในรูปแบบการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรงและได้รับการพูดถึงอย่างมากคือ การท่องเที่ยวเชิงการจัดประชุมและนิทรรศการหรือ “ไมซ์” ซึ่งมีสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ทีเส็บเป็นผู้ดูแลส่งเสริมอยู่โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ถือว่ามีการเติบโตต่อเนื่องในตลอดหลายปี และสูงกว่าภาพรวมของการท่องเที่ยวทั้งหมด ที่สำคัญยังจัดเป็นนักท่องเที่ยวเกรดเอที่เข้ามาอยู่และจับจ่ายใช้สอยเยอะกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 4-5 เท่าตัวด้วย
กลุ่มไมซ์ค่าใช้จ่ายสูง
สถิติจาก สสปน. ล่าสุดระบุว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ในประเทศไทยซึ่งประกอบด้วย 4 ส่วน คือกลุ่มมีทติ้งที่เข้ามาจัดประชุม กลุ่มอินเซนทีฟที่มาท่องเที่ยวแบบหมู่คณะ จากการได้รางวัลของบริษัทกลุ่มคอนเวนชั่นที่จัดประชุมขนาดใหญ่และกลุ่มเอ็กซิบิชั่นที่จัดงานแสดงสินค้า มีการใช้จ่ายเฉลี่ยสูงถึงคนละ 8-9 หมื่นบาทต่อทริป และอยู่อาศัยเฉลี่ยนานถึง 4-5 วันเลยทีเดียว
ประเทศที่นิยมเข้ามาจัดประชุมและนิทรรศการในเมืองไทย อันดับหนึ่งยังมาจากจีน รองลงมาเป็นชาติในเอเชียและสหรัฐอเมริกา แต่นอกเหนือจากนั้นยังมีออสเตรเลียและโอเชียเนีย เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจ ซึ่งแม้ปัจจุบันมีรายได้เป็นอันดับ 6 ของไทยแต่มีแนวโน้มเติบโตไปได้สวยโดยปี 57 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยถึง 47,446 คน เติบโต 81% และสร้างรายได้ถึง 4,442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76%
รุกตลาดใหม่โอเชียเนีย
หัวเรือใหญ่อย่าง สสปน. ได้เห็นถึงความสำคัญของตลาดไมซ์ในโอเชียเนียเช่นกัน และระหว่างวันที่ 24-25 ก.พ. ที่ผ่านมา นายนพรัตน์ เมธาวีกุลชัย ผู้อำนวยการทีเส็บ ได้นำทัพผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในอุตสาหกรรมการประชุมไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ท การบินไทย ศูนย์ประชุม หรือผู้รับจัดงานไมซ์ของไทยกว่า 30 ราย เข้าร่วมงานเทรดโชว์ เดอะเอเชีย-แปซิฟิกอินเซนทีฟส์ แอนด์ มีทติงส์เอ็กซ์โป หรือ เอม 2015 ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
“เอม 2015” นับเป็นงานเทรดโชว์ที่เป็นศูนย์รวมงานแสดงสินค้าทางอุตสาหกรรมการประชุมที่มีขนาดใหญ่และได้รับการยอมรับสูงสุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีตัวแทนอุตสาหกรรมไมซ์จากหลายสิบประเทศในโซนเอเชีย โอเชียเนียเข้าร่วมออกงานอย่างคึกคักและมีลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงจากออสเตรเลียและชาติอื่นทั่วโลกเข้าร่วมเจรจาทำธุรกิจไม่ต่ำกว่า 3,000 คน ดังนั้น “เอม 2015” จึงเป็นเวทีสำคัญที่จะนำนักธุรกิจไทยไปพบปะทำธุรกิจระดับนานาชาติตลอดจนแลกเปลี่ยนความรู้สร้างเครือข่ายในอุตสาหกรรมไมซ์ในระดับอินเตอร์
ขนเอกลักษณ์ไทยมาดึงดูด
การเข้าร่วมงานปีนี้ประเทศไทย โดย สสปน. ได้นำจุดเด่นเอกลักษณ์ความเป็นไทยมาใช้เป็นจุดขายเริ่มตั้งแต่การออกแบบดีไซน์คูหาศาลาไทย ที่มีการจัดเป็นหลังคาไทยทรงสูงสีเหลืองโดดเด่นและเปิดพื้นที่โล่งให้มีการจับคู่เจรจาธุรกิจ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงานจำนวนมาก และทำให้ไทยได้รับรางวัลชนะเลิศประเทศที่มีการจัดแสดงพื้นที่ยอดเยี่ยม ประเภทขนาดมากกว่า 36 ตารางเมตร ปีนี้ไปครอง
นอกจากนี้ยังได้เปิดตัวแคมเปญไทยแลนด์ คอนเน็ค เดอะ เวิลด์ เป็นครั้งแรกในออสเตรเลีย ด้วยการโชว์ความพร้อมของไทยใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านสาธารณูปโภค ด้านโอกาสทางธุรกิจ และด้านบุคลากรที่มีคุณภาพเป็นจุดขาย รวมถึงมีการจัดแคมเปญต่อยอดแหล่งท่องเที่ยว ด้วยการโปรโมตกิจกรรมตอบแทนสังคม (ซีเอสอาร์) ภายใต้แนวคิดไทยแลนด์ อินสไปเรชั่น เดสทิเนชั่น “เอ็นฮานซ์ แวลู ทู ยัวร์ อีเวนต์”
เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวโอเชียเนีย ที่่นิยมการท่องเที่ยวเชิงผจญภัย ธรรมชาติ และชื่นชอบการทำกิจกรรมดี ๆ อีกทั้งยังสอดคล้องกับเทรนด์การท่องเที่ยวโลกที่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมซีเอสอาร์ โดยทีเส็บได้มีการชูจุดขายใน 3 พื้นที่ ได้แก่กลุ่มพื้นที่ชายหาดทางใต้ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา ซึ่งสามารถทำกิจกรรมปล่อยเต่าทะเล ปลูกปะการังเทียม กลุ่มพื้นที่ป่าเขาทางเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย เน้นกิจกรรมปลูกป่าสร้างฝาย ร่วมดูแลช่วยเหลือช้าง และกลุ่มเมืองใน พระนครศรีอยุธยาและสมุทรสาคร นำเสนอกิจกรรมจิตอาสาในโรงเรียน
เสียงตอบรับท่วมท้นงาน
สำหรับโปรแกรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเหล่านี้ถือว่าได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมงานโดยทีเส็บประเมินว่าการร่วมงานครั้งนี้ก่อให้เกิดการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับลูกค้าต่างประเทศไม่น้อยกว่า 600 นัดหมาย และช่วยผลักดันให้รายได้ตลาดไมซ์ในโอเชียเนียปี 58 เพิ่มเป็น 4,395 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวมาไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคนโดยมีกลุ่มมีทติ้ง และอินเซนทีฟเป็นฐานลูกค้าสำคัญ
ขณะที่ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน มีความพอใจที่ได้ร่วมงาน อย่างกลุ่มโรงแรมดาราเทวีเชียงใหม่ ซึ่งมาร่วมเป็นครั้งแรก บอกว่าเพียงวันแรกมีลูกค้าต้องการนำกลุ่มทัวร์มาถึง 100 คน สำนักงานพัฒนาพิงคนคร ก็ใช้โอกาสนี้เปิดตัวให้ชาวออสซี่รู้จักเชียงใหม่มากขึ้น รวมถึงบริษัทอีเวนท์ทราเวล เอเชีย น้องใหม่ไฟแรง ก็เดินทางเข้ารักษาฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นอกจากนี้หลังจากจบงานเอม 2015 ทีเส็บยังได้ร่วมกับการบินไทยจัดงาน “ออสเตรเลีย เน็ตเวิร์กกิ้งอีเวนต์” ต่อเนื่องที่เมืองเมลเบิร์น และเมืองเพิร์ท โดยเชิญกลุ่มลูกค้าไมซ์ทั้ง 2 เมือง เมืองละ 40 ราย มาพบปะต่อยอดธุรกิจร่วมกับผู้ประกอบการไทย ขณะที่มุมมองจากนักธุรกิจและผู้ซื้อต่างชาติทั้งออสเตรเลีย เอเชีย และยุโรปที่มีต่อประเทศไทยก็เห็นว่า ไทยยังมีความน่าสนใจอยู่เพราะมีความหลากหลายในการท่องเที่ยวและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
จากการร่วมงานเอม 2015 ครั้งนี้ นายนพรัตน์ ผอ.ทีเส็บได้แสดงความมั่นใจว่า จะเป็นอีกก้าวสำคัญที่ทำให้แผนการสร้างรายได้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยปีนี้สำเร็จตามเป้าหมาย มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามากว่า 1 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และหลังจากนี้ สสปน. ยังเตรียมเข้าร่วมงานเทรดโชว์ระดับโลกอีก 8-9 งาน เพื่อประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติเพิ่มขึ้น.
ทีมเศรษฐกิจ
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 10 มีนาคม 2558