Page 1 of 1

อาร์แอร์ไลน์ทุ่มขยายธุรกิจ

Posted: 13 Mar 2015, 10:03
by brid.ladawan
อาร์แอร์ไลน์ทุ่มขยายธุรกิจ

อาร์แอร์ไลน์ ทุ่ม 1500 ล้านบาท โหมขยายธุรกิจสายการบิน เตรียมสั่งซื้อเครื่องเพิ่มรับเส้นทางประจำ หลัง 2 ปีแรกรายได้โตเท่าตัว

ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ประธาน บริษัท สกาย วิว แอร์เวย์ จำกัด ผู้บริหารสายการบินไทย อาร์แอร์ไลน์ เปิดเผยว่า มีแผนทุ่มงบประมาณอีก 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายธุรกิจสายการบินอาร์แอร์ไลน์ หลังจากผลดำเนินการในช่วง 2 ปีแรกมีการเติบโตและมีกำไรอย่างรวดเร็ว โดยในช่วง 2-3 ปีต่อจากนี้ จะสั่งซื้อเครื่องบินเข้ามาบินเพิ่มจากปัจจุบัน 2 ลำ เพิ่มเป็น 5-7 ลำ เพื่อรองรับการขยายเส้นทาง และการเพิ่มความถี่ในการบินเส้นทางประจำทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 60

"ปัจจุบันอาร์แอร์ไลน์ ได้เปิดให้บริการเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลท์) มา 2 ปีแล้ว โดยมีผลประกอบการเติบโตขึ้นต่อเนื่องจากปีแรก 150 ล้านบาท เพิ่มเป็นปีที่สอง 300 ล้านบาท และปีนี้จะเพิ่มเป็น 450 ล้านบาท รายได้หลักกว่า 70% มาจากเส้นทางบินไปจีนใน 5 เมือง เช่น ไท่หยวน ฉือเจียจวง ซูโจว ส่วนที่เหลือ 30% มาจากการให้บริการรับส่งทหารในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อกลับบ้าน และสับเปลี่ยนกำลัง รวมถึงบริการบินไปอินเดีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และเวียดนาม"

ร.อ.รชฏกล่าวต่อว่า ภายในเดือนเม.ย.-มิ.ย.นี้ บริษัทมีแผนปรับการให้บริการจากสายการบินชาร์เตอร์ไฟลท์ เป็นเที่ยวบินที่มีตารางการบินประจำ เพื่อให้บริการจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากรุงเทพฯ เชียงใหม่ รวมถึงการมีเที่ยวบินประจำไปจีน แบบรายวัน พร้อมกับจะซื้อเครื่องบินใหม่เพิ่มอีก 1 ลำ แอร์บัส เอ319 เพื่อใช้ในเส้นทางเกาะสมุย รวมถึงเส้นทางบินระยะไกล สู่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนบุคลากรก็จะมีการรับเพิ่ม จากปัจจุบันที่มี 150 คน ซึ่งแบ่งเป็นนักบิน 16 คน และลูกเรือรวม 60 คน

"ผมมั่นใจว่าสายการบินอาร์แอร์ไลน์ มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมการบินในไทยมีการเติบโตได้ต่อเนื่อง และมีรายได้รวมในอุตสาหกรรมสูงถึง 4 แสนล้านบาท และหากนับเฉพาะธุรกิจสายการบินเช่าเหมาลำก็เติบโตได้ถึง 40% ต่อปีอีกด้วย ขณะที่อาร์แอร์ไลน์ ก็มีลูกค้าค่อนข้างชัดเจน เพราะมีผู้โดยสารเป็นทหารจากกองทัพ รวมถึงผู้โดยสารจากจีน ที่ทำสัญญาการจัดหาผู้โดยสารให้ยาวถึง 5 ปี ยิ่งกว่านั้นทุกเมืองที่เราบินไปก็มีแค่อาร์แอร์ไลน์ให้บริการเท่านั้น"

ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 12 มีนาคม 2558