“พาณิชย์” ยืนยันห่วงใยการเข้าถึงยาของประชาชน
Posted: 13 Mar 2015, 13:34
“พาณิชย์” ยืนยันห่วงใยการเข้าถึงยาของประชาชน
ดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าร่วมการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติยา พ.ศ. .... กับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือข้อกังวลเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติยา พ.ศ. .... ซึ่งในส่วนกระทรวงพาณิชย์เข้าไปเกี่ยวข้องคือ ที่กำหนดว่าจะไม่รับขึ้นทะเบียนยาที่มีสิทธิบัตรซึ่งมีโครงสร้างราคายาที่ไม่เหมาะสม โดยที่ประชุมได้รับทราบข้อกังวลของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนว่า การกำหนดดังกล่าวอาจกระทบต่อการเข้าถึงยา ของประชาชน รวมถึงอาจจะไปทับซ้อนกับหน้าที่ของกรมการค้าภายในหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าควรใช้กลไกของกฎหมายที่มีอยู่แล้วในการควบคุมราคายา คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เนื่องจากปัจจุบันยารักษาโรคเป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมายดังกล่าวอยู่แล้ว เช่น ต้องติดป้ายแสดงราคา ส่วนมาตรการควบคุม หากจำเป็นคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.)สามารถออกมาตรการได้
ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอกลไกอื่นในการกำหนดราคายาให้มีความเป็นธรรมแทน และใช้มาตรการของกรมการค้าภายในที่มีอยู่แล้วในการควบคุมราคายาต่อไป ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในกรณีช่วงน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศไทยเมื่อปี 2554 ก็เคยให้บริษัทยาแจ้งราคายาที่จำเป็นอย่างเช่น ยารักษาน้ำกัดเท้า เมื่อแจ้งแล้วก็ห้ามผู้ผลิตจำหน่ายเกินราคาจากที่แจ้งไว้
“สำหรับการจดทะเบียนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรยา จนถึงปัจจุบัน ของไทยมีคำขอที่ยังไม่ได้จดทะเบียน จำนวน 1,507 คำขอ และที่ได้จดทะเบียน จำนวน 198 คำขอ ของต่างชาติมีคำขอที่ยังไม่ได้จดทะเบียน จำนวน 12,838 คำขอ และที่ได้จดทะเบียน 492 คำขอ”
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 10 มีนาคม 2558
ดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม นางดวงกมล เจียมบุตร โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าร่วมการประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติยา พ.ศ. .... กับกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อหารือข้อกังวลเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติยา พ.ศ. .... ซึ่งในส่วนกระทรวงพาณิชย์เข้าไปเกี่ยวข้องคือ ที่กำหนดว่าจะไม่รับขึ้นทะเบียนยาที่มีสิทธิบัตรซึ่งมีโครงสร้างราคายาที่ไม่เหมาะสม โดยที่ประชุมได้รับทราบข้อกังวลของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนว่า การกำหนดดังกล่าวอาจกระทบต่อการเข้าถึงยา ของประชาชน รวมถึงอาจจะไปทับซ้อนกับหน้าที่ของกรมการค้าภายในหรือไม่ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าควรใช้กลไกของกฎหมายที่มีอยู่แล้วในการควบคุมราคายา คือ พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 เนื่องจากปัจจุบันยารักษาโรคเป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมายดังกล่าวอยู่แล้ว เช่น ต้องติดป้ายแสดงราคา ส่วนมาตรการควบคุม หากจำเป็นคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.)สามารถออกมาตรการได้
ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอกลไกอื่นในการกำหนดราคายาให้มีความเป็นธรรมแทน และใช้มาตรการของกรมการค้าภายในที่มีอยู่แล้วในการควบคุมราคายาต่อไป ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในกรณีช่วงน้ำท่วมใหญ่ทั่วประเทศไทยเมื่อปี 2554 ก็เคยให้บริษัทยาแจ้งราคายาที่จำเป็นอย่างเช่น ยารักษาน้ำกัดเท้า เมื่อแจ้งแล้วก็ห้ามผู้ผลิตจำหน่ายเกินราคาจากที่แจ้งไว้
“สำหรับการจดทะเบียนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตรยา จนถึงปัจจุบัน ของไทยมีคำขอที่ยังไม่ได้จดทะเบียน จำนวน 1,507 คำขอ และที่ได้จดทะเบียน จำนวน 198 คำขอ ของต่างชาติมีคำขอที่ยังไม่ได้จดทะเบียน จำนวน 12,838 คำขอ และที่ได้จดทะเบียน 492 คำขอ”
ที่มา มติชนออนไลน์
วันที่ 10 มีนาคม 2558