พาณิชย์ทุบโต๊ะไล่ออก 3 บิ๊ก เด้งรับมติ ป.ป.ช.ชี้มูลเอี่ยวทุจ

[brid.ladawan]

พาณิชย์ทุบโต๊ะไล่ออก 3 บิ๊ก เด้งรับมติ ป.ป.ช.ชี้มูลเอี่ยวทุจริตขายข้าวแบบจีทูจี


พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงพาณิชย์ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ 3 คนคือ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการกองความร่วมมือการค้าและการลงทุน กรมการค้าต่างประเทศ กรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของรัฐบาลก่อนนั้น โดยที่ประชุมมีมติไล่ออกจากราชการทั้ง 3 คน โดยนายมนัสเกษียณอายุราชการแล้ว แต่เมื่อมีคำสั่งไล่ออกก็จะไม่ได้รับบำเหน็จบำนาญอีกต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาตามหนังสือชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง ที่ ป.ป.ช.ส่งมาให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณา ซึ่งระบุว่า ข้าราชการทั้ง 3 คน มีส่วนร่วมกระทำความผิด โดยช่วยเหลือและมุ่งหมายให้ 2 บริษัทของจีนมาทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ โดยทั้ง 2 บริษัทไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกรมการค้าต่างประเทศ และประเทศชาติ อย่างไรก็ตาม อ.ก.พ.กระทรวงพาณิชย์ ไม่มีอำนาจพิจารณาโทษเป็นอย่างอื่นนอกจากไล่ออก ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 36 และระเบียบข้าราชการพลเรือนปี 51 ที่ระบุว่า หากข้าราชการมีความผิดวินัยร้ายแรงต้องไล่ออกสถานเดียว

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวต่อว่า มติไล่ออกดังกล่าวจะมีผลทันทีเมื่อปลัดกระทรวงพาณิชย์ลงนามในคำสั่ง ซึ่งการถูกไล่ออกนี้จะทำให้ข้าราชการทั้ง 2 คนไม่มีสิทธิ์ได้รับบำเหน็จบำนาญใดๆทั้งสิ้นแต่ระหว่างนี้ ผู้ที่ถูกให้ออกสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับจากวันที่รับคำสั่ง โดยให้ยื่นต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (กพค.) “ที่ประชุม อ.ก.พ.เครียดมากที่ผลสรุปออกมาเป็นแบบนี้ แต่ไม่มีทางเลือกอื่น เราพิจารณาตามมติ ครม.ปี 36 และระเบียบข้าราชการพลเรือน ในชีวิตราชการ ผมไม่เคยพิจารณาโทษใครจนถึงขั้นไล่ออกจากราชการ รู้สึกเสียใจมาก หลังจากนี้ ข้าราชการทั้ง 3 คนต้องไปสู้คดีอาญาต่อไป หรืออาจจะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายด้วย จึงอยากฝากเตือนข้าราชการ หากเห็นว่าคำสั่งของฝ่ายการเมืองอาจก่อให้เกิดความเสียหาย หรือเกิดการทุจริต ก็ต้องหลีกเลี่ยง ไม่ทำตาม”.


ที่มา ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันที่ 13 มี.ค. 2558