เมื่อผู้บริโภคเป็นใหญ่ ในอุตสาหกรรมไอที

Post Reply
brid.ladawan
Posts: 7045
Joined: 29 Mar 2013, 13:36

เมื่อผู้บริโภคเป็นใหญ่ ในอุตสาหกรรมไอที

Post by brid.ladawan »

เมื่อผู้บริโภคเป็นใหญ่ ในอุตสาหกรรมไอที

การมาของกระแส “ดิจิตอล อีโคโนมี” ทำให้ผู้ผลิตสินค้าไอที ซึ่งหมายรวมถึงผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต้องหันมาพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค

การมาของกระแส “ดิจิตอล อีโคโนมี” ทำให้ผู้ผลิตสินค้าไอที ซึ่งหมายรวมถึงผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต้องหันมาพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค

“อินเทล” เปิดตัวชิพใหม่รองรับทุกอุปกรณ์สื่อสาร

นายสนธิญา หนูจีนเส้ง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทุกวันนี้เกิดจากความต้องการใช้งานของผู้บริโภค ซึ่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของอินเทลก็ได้แรงผลักดันมาจากผู้บริโภคเช่นกัน

จากผลสำรวจของ ดิจิตอล อีโวลูชั่น อินเด็กซ์ โดย มาสเตอร์ การ์ด และ The Fletcher School at Tufts University พบว่า ประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ในลำดับ 1 ใน 3 ของประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีแนวโน้มการเติบโตเรื่องของดิจิตอล อีโคโนมีสูง ซึ่งได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ด้วยเหตุผลที่ว่ามีการใช้งานด้านไอทีเพิ่มขึ้นมาก

“โอกาสการเติบโตในเรื่องของดิจิตอล อีโคโนมี ของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้บริษัทแม่ของอินเทลที่ประเทศสหรัฐอเมริกาลงทุนในประเทศแถบเอเชียมากขึ้น โดยลงทุนที่ประเทศอินโดนีเซียมากที่สุด ส่วนประเทศไทยอินเทลมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และประกาศลงทุน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เรื่องการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ประเทศจีน ดังนั้นทุกผลิตภัณฑ์ของอินเทลที่จำหน่ายในเอเชียจึงถูกออกแบบด้วยคนเอเชียและขายให้คนเอเชีย” นายสนธิญา กล่าว

นายสนธิญา กล่าวต่อว่า ตามที่คาดการณ์กันไว้ปี ค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) จะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ 2 แสนล้านชิ้น ดังนั้น อินเทล จึงออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มความต้องการ ซึ่งมีทั้งชิพประมวลผลในตระกูล อินเทล อะตอม ประกอบด้วย อะตอม X3 อะตอม X5 และอะตอม X7 ที่รองรับสำหรับอุปกรณ์สื่อสารแบบแท็บเล็ต แฟ็บเล็ต และสมาร์ทโฟนโดยชิพดังกล่าวมีอยู่ในอุปกรณ์สื่อสารตั้งแต่ราคาระดับล่างถึงระดับบน พร้อมเปิดตัวชิพประมวลผลในตระกูลอินเทล คอร์ โปรเซสเซอร์ เจนเนอเรชั่น 5 สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี และโน้ตบุ๊ก รวมทั้งอินเทลได้ก้าวสู่การพัฒนาเทคโนโลยีด้านอุปกรณ์แวร์เอเบิล (Wearables) เพื่อตอบสนองรูปแบบการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องสุขภาพรวมทั้งการทำ “อินเทล คอมพิวท์ สติ๊ก” คอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว ที่ทำหน้าที่เปลี่ยนหน้าจอโทรทัศน์ระบบ HDMI ให้สามารถใช้งานได้ไม่ต่างจากคอมพิวเตอร์

“ชิพใหม่ของอินเทลที่เปิดตัว ซึ่งจะนำไปอยู่ในอุปกรณ์ไอทีที่มีราคาหลากหลายจะช่วยให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าไอทีใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในตลาดไอทีได้” นายสนธิญา กล่าว

“เอเซอร์” ทำสมาร์ทโฟนถูกเจาะกลุ่มมือใหม่

จำนวนเลขหมายโทรศัพท์มือถือที่เปิดใช้งานราว 100 ล้านเลขหมาย ในประเทศไทย และการเปลี่ยนผ่านจากการใช้งานโทรศัพท์มือถือเพื่อโทรฯ ออก-รับสาย สู่การใช้งานแอพพลิเคชั่นเพื่อติดต่อสื่อสารในโลกออนไลน์ เป็นการเปลี่ยนผ่านของผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือที่น่าจับตา

นายบุญชัย เงาวิศิษฎ์กุล รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟน บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ไตรมาส 4 ปี พ.ศ. 2557 ในประเทศไทยมีผู้เปิดใช้งานเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่แล้วเกือบ 100 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นเปิดใช้งานเลขหมายของเอไอเอส 45.44 ล้านเลขหมายดีแทค 27.84 ล้านเลขหมาย ทรู 23.70 ล้านเลขหมาย และของทีโอที 0.56 ล้านเลขหมาย โดยแบ่งเป็นการใช้งานโทรศัพท์มือถือระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 73% รองลงมาคือระบบปฏิบัติการไอโอเอส 15% ระบบปฏิบัติการวินโดวส์โฟน 6% ระบบปฏิบัติการแบล็คเบอรี่ 3% และระบบปฏิบัติการอื่น ๆ 3%

นายบุญชัย ระบุว่า วันนี้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์มาก เนื่องจากผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือทั้งจากจีน และผู้ผลิตที่เป็นอินเตอร์แบรนด์อย่าง เอเซอร์ และอีกหลายแบรนด์ลงมาทำตลาดสมาร์ทโฟนเจาะกลุ่มคนต่างจังหวัดที่จะเปลี่ยนมาใช้งานสมาร์ทโฟนเครื่องแรก โดยมองว่าตลาดกลุ่มนี้มีมากถึง 20 ล้านคน

“จากประสบการณ์การทำตลาดโน้ตบุ๊กมา พบว่า ต้องใช้เวลา 10 ปีถึงเปลี่ยนความคิดของผู้บริโภคไม่ให้ยึดติดกับแบรนด์ แต่สำหรับอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือคาดว่าภายใน 3ปี จากนี้ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือจะไม่ยึดติดกับแบรนด์โทรศัพท์มือถือแต่จะตัดสินใจซื้อโทรศัพท์มือถือจากความชอบและดีไซน์ ขณะที่คุณสมบัติการใช้งานแทบไม่แตกต่างกันซึ่งผลสำรวจพบว่า ราคาสมาร์ทโฟนโดยเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่เครื่องละ 6,000 บาท” นายบุญชัย กล่าว

เมื่อเร็ว ๆ นี้ เอเซอร์เปิดตัวสมาร์ทโฟนสำหรับกลุ่มผู้ที่จะเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนเครื่องแรกด้วยราคาตั้งแต่ 2,990–4,990 บาท ได้แก่ รุ่นเอเซอร์ ลิควิด Z220 (Acer Liquid Z220) หน้าจอ 4 นิ้ว เป็นสมาร์ทโฟนตัวแรกของเอเซอร์ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชั่น 5 (Android 5.0 Lollipop) ราคา 2,990 บาท รุ่นเอเซอร์ ลิควิด Z520 (Acer Liquid Z520) หน้าจอ 5 นิ้ว เด่นเรื่องของการสั่งงานการถ่ายภาพด้วยเสียง ราคา 3,990 บาท โดยทั้ง 2 รุ่น ฝาหลังได้แนวคิดการออกแบบมาจากลวดลายผ้าไหมไทยและเครื่องทองสุโขทัยจึงมีความหรูหรา และรุ่นเอเซอร์ ลิควิด Z410 (Acer Liquid Z410) มาพร้อมหน้าจอขนาด 4.5 นิ้ว รองรับการใช้งาน 4จี ตัวแรก โดดเด่นเรื่องของการสั่งงานการถ่ายภาพด้วยเสียง ราคา 4,990 บาท

วันนี้ผู้ผลิตต่างออกสินค้าไอทีมาให้เลือกมากมายทั้งราคาและคุณภาพ ผู้บริโภคจะเป็นใหญ่ได้ต้องมีเงินและศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อความคุ้มค่าและเหมาะกับการใช้งาน.

นํ้าเพชร จันทา
@phetchan


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 18 มีนาคม 2558
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”