ส่งออกเสื้อบอลนอกฉลุย
Posted: 18 Mar 2015, 09:33
ส่งออกเสื้อบอลนอกฉลุย
ผู้ประกอบการเผยส่งออกเสื้อบอลนอกสดใส สโมสรดังแห่สั่งเสื้อแน่น ยูโรผันผวนไร้ผลกระทบ
นายวัลลภ วิตนากร ประธานบริษัท ไฮเทคกรุ๊ป และที่ปรึกษาสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิตและส่งออกชุดกีฬาไปยังตลาดยุโรป โดยเฉพาะชุดฟุตบอลของสโมสรทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, รีล มาดริด,บาร์เซโลนา, ทีมลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล, เชลซี, บาเยิร์น มิวนิก เป็นต้นยังไม่ได้รับผลกระทบเรื่องของค่าเงินสกุลยูโรอ่อนค่าลงประมาณ 20% เนื่องจากผู้ส่งออกและลูกค้าได้มีการทำประกันความเสี่ยงเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า 6-9 เดือนแล้ว ส่งผลให้ผู้ผลิตชุดกีฬาไทยที่ป้อนให้กับสโมรฟุตบอลชั้นนำของโลกสามารถดำเนินการปกติและไม่ขาดทุนเหมือนสินค้าอื่นๆที่ส่งไปตลาดยุโรปจนประสบปัญหาขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนละ 6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศยุโรปหลายๆประเทศอยู่ในภาวะซบเซาแต่คำสั่งซื้อชุดฟุตบอลสโมสรยุโรปชั้นนำก็ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะมั่นใจในศักยภาพการผลิตและคุณภาพสินค้าของโรงงานไทยแล้ว ความต้องการชุดประจำทีมของบรรดาแฟนบอลยังมีเหมือนเดิม
“ชุดกีฬาที่ส่งออกไปยังยุโรปมีออเดอร์ล่วงหน้าหลายเดือนและผู้ผลิตไทยก็มีการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนร่วมกับลูกค้าไว้ล่วงหน้าจึงไม่มีปัญหาใดๆ แต่ออเดอร์งวดหน้าก็คงต้องดูว่าการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตามหากดำเนินดังกล่าวลูกค้าก็จะไม่มีการกดราคาเหมือนกับสินค้าอื่นๆที่บางประเภทที่ลูกค้าขอเจรจาให้ลดราคาลง 10-15% ในกรณีที่มีการซื้อขายสินค้าด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการซื้อขายด้วยเงินสกุลยูโรไม่ได้มีขอให้ลดราคาเพราะค่าเงินยูโรอ่อนค่าอยู่แล้ว”
อย่างไรก็ตามการผลิตชุดกีฬาในปี 58 จะซบเซากว่าปี 57 เนื่องจากในปี 57 มีการแข่งขันฟุตบอลที่ประเทศบราซิล ส่งผลให้ประเทศที่เข้ารอบสุดท้ายได้มีออเดอร์ชุดนักฟุตบอลและชุดเชียร์แก่บรรดากองเชียร์จำนวนมากไม่ต่ำ 3 ล้านตัว
นายวัลลภ กล่าวว่า ในส่วนภาพรวมการส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มไทยในปี 58 คาดว่าทั้งปีจะมีมูลค่า 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 2% แต่ปัญหาเศรษฐกิจตลาดโลกและค่าเงินของไทยที่อ่อนค่าน้อยกว่าประเทศคู่แข่งอาจทำให้การส่งออกลำบากมากขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการทำตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาตลาดไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานสโมสรฟุตบอลในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ สเปน เยอรมนี อิตาลี โปรตุเกส เป็นต้น จะมีออเดอร์ ชุดฟุตบอลจากผู้ผลิตชุดกีฬาไทยไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 ล้านบาท โดยสโมสรฟุตบอลที่สั่งออเดอร์ชุดฟุตบอลจากไทยมากที่สุด คือ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, รีล มาดริด และบาร์เซโลนา ซึ่งแต่ละทีมมียอดไม่ต่ำกว่า 1 ล้านชุดต่อปี เพราะมีแฟนบอลมากในระดับต้นๆของโลก และมีซุปเปอร์สตาร์ที่แฟนบอลทั่วโลกติดตาม
สำหรับทีมที่มียอดออเดอร์รองลงมา ได้แก่ ทีมลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล, เชลซี, บาเยิร์น มิวนิก เฉลี่ยทีมละไม่ต่ำกว่า 400,000-600,000 ตัวต่อปี และทีมที่มีออเดอร์ 200,000-300,000 ตัวต่อปี เช่น ทีมแอตเลติโก มาดริด รวมถึงทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือทีมฟุตบอลในลีกโปรตุเกสหลายทีมก็ได้สั่งออเดอร์เพิ่มเช่นกัน
“เจ้าของลิขสิทธิ์สโมสรฟุตบอลในยุโรปที่สั่งออเดอร์ส่วนใหญ่จะเป็นไนกี้และอดิดาส โดยไนกี้ส่วนใหญ่จะสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานไทย เช่น ทีมแมนฯยูไนเต็ด, บาร์เซโลนา, อาร์เซนอล เป็นต้น ส่วนอดิดาส ส่วนใหญ่จะซื้อจากจีนมากกว่าไทย โดยเสื้ออดิดาส เช่น ทีมรีล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิก, เชลซี เป็นต้น”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 18 มีนาคม 2558
ผู้ประกอบการเผยส่งออกเสื้อบอลนอกสดใส สโมสรดังแห่สั่งเสื้อแน่น ยูโรผันผวนไร้ผลกระทบ
นายวัลลภ วิตนากร ประธานบริษัท ไฮเทคกรุ๊ป และที่ปรึกษาสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ผลิตและส่งออกชุดกีฬาไปยังตลาดยุโรป โดยเฉพาะชุดฟุตบอลของสโมสรทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, รีล มาดริด,บาร์เซโลนา, ทีมลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล, เชลซี, บาเยิร์น มิวนิก เป็นต้นยังไม่ได้รับผลกระทบเรื่องของค่าเงินสกุลยูโรอ่อนค่าลงประมาณ 20% เนื่องจากผู้ส่งออกและลูกค้าได้มีการทำประกันความเสี่ยงเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า 6-9 เดือนแล้ว ส่งผลให้ผู้ผลิตชุดกีฬาไทยที่ป้อนให้กับสโมรฟุตบอลชั้นนำของโลกสามารถดำเนินการปกติและไม่ขาดทุนเหมือนสินค้าอื่นๆที่ส่งไปตลาดยุโรปจนประสบปัญหาขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนละ 6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศยุโรปหลายๆประเทศอยู่ในภาวะซบเซาแต่คำสั่งซื้อชุดฟุตบอลสโมสรยุโรปชั้นนำก็ยังมีเข้ามาต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะมั่นใจในศักยภาพการผลิตและคุณภาพสินค้าของโรงงานไทยแล้ว ความต้องการชุดประจำทีมของบรรดาแฟนบอลยังมีเหมือนเดิม
“ชุดกีฬาที่ส่งออกไปยังยุโรปมีออเดอร์ล่วงหน้าหลายเดือนและผู้ผลิตไทยก็มีการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนร่วมกับลูกค้าไว้ล่วงหน้าจึงไม่มีปัญหาใดๆ แต่ออเดอร์งวดหน้าก็คงต้องดูว่าการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตามหากดำเนินดังกล่าวลูกค้าก็จะไม่มีการกดราคาเหมือนกับสินค้าอื่นๆที่บางประเภทที่ลูกค้าขอเจรจาให้ลดราคาลง 10-15% ในกรณีที่มีการซื้อขายสินค้าด้วยเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ส่วนการซื้อขายด้วยเงินสกุลยูโรไม่ได้มีขอให้ลดราคาเพราะค่าเงินยูโรอ่อนค่าอยู่แล้ว”
อย่างไรก็ตามการผลิตชุดกีฬาในปี 58 จะซบเซากว่าปี 57 เนื่องจากในปี 57 มีการแข่งขันฟุตบอลที่ประเทศบราซิล ส่งผลให้ประเทศที่เข้ารอบสุดท้ายได้มีออเดอร์ชุดนักฟุตบอลและชุดเชียร์แก่บรรดากองเชียร์จำนวนมากไม่ต่ำ 3 ล้านตัว
นายวัลลภ กล่าวว่า ในส่วนภาพรวมการส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มไทยในปี 58 คาดว่าทั้งปีจะมีมูลค่า 2,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 2% แต่ปัญหาเศรษฐกิจตลาดโลกและค่าเงินของไทยที่อ่อนค่าน้อยกว่าประเทศคู่แข่งอาจทำให้การส่งออกลำบากมากขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการทำตลาดอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาตลาดไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานสโมสรฟุตบอลในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ สเปน เยอรมนี อิตาลี โปรตุเกส เป็นต้น จะมีออเดอร์ ชุดฟุตบอลจากผู้ผลิตชุดกีฬาไทยไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 ล้านบาท โดยสโมสรฟุตบอลที่สั่งออเดอร์ชุดฟุตบอลจากไทยมากที่สุด คือ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, รีล มาดริด และบาร์เซโลนา ซึ่งแต่ละทีมมียอดไม่ต่ำกว่า 1 ล้านชุดต่อปี เพราะมีแฟนบอลมากในระดับต้นๆของโลก และมีซุปเปอร์สตาร์ที่แฟนบอลทั่วโลกติดตาม
สำหรับทีมที่มียอดออเดอร์รองลงมา ได้แก่ ทีมลิเวอร์พูล, อาร์เซนอล, เชลซี, บาเยิร์น มิวนิก เฉลี่ยทีมละไม่ต่ำกว่า 400,000-600,000 ตัวต่อปี และทีมที่มีออเดอร์ 200,000-300,000 ตัวต่อปี เช่น ทีมแอตเลติโก มาดริด รวมถึงทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือทีมฟุตบอลในลีกโปรตุเกสหลายทีมก็ได้สั่งออเดอร์เพิ่มเช่นกัน
“เจ้าของลิขสิทธิ์สโมสรฟุตบอลในยุโรปที่สั่งออเดอร์ส่วนใหญ่จะเป็นไนกี้และอดิดาส โดยไนกี้ส่วนใหญ่จะสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานไทย เช่น ทีมแมนฯยูไนเต็ด, บาร์เซโลนา, อาร์เซนอล เป็นต้น ส่วนอดิดาส ส่วนใหญ่จะซื้อจากจีนมากกว่าไทย โดยเสื้ออดิดาส เช่น ทีมรีล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิก, เชลซี เป็นต้น”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 18 มีนาคม 2558