กำลังซื้อหดหั่นดอกเบี้ยไม่หนุนศก.
Posted: 18 Mar 2015, 09:44
กำลังซื้อหดหั่นดอกเบี้ยไม่หนุนศก.
"บุญทักษ์" ชี้แบงก์ลดดอกเบี้ยตามกนง.ขึ้นอยู่สภาพคล่อง-การแข่งขันในตลาด จับตาประชุมเฟด17-18 มี.ค.นี้
นายบุญทักษ์ หวังเจริญประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทหารไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและการแข่งขันในตลาดหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 1.75% แต่เชื่อว่าการลดดอกเบี้ยลง ไม่ได้ส่งผลให้ต้นทุนภาคธุรกิจมากนัก เพราะดอกเบี้ยเป็นปัจจัยหนึ่งใน 4 ปัจจัยหลัก ที่มีผลต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ
“ถ้าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว กำลังซื้อก็ไม่ได้เพิ่ม ลดดอกเบี้ยไม่ได้มีผลต่อธุรกิจ แต่ปัญหาของภาคธุรกิจที่แท้จริง ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คือการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนมากกว่าเนื่องจากธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในเรื่องการให้สินเชื่อ หลังจากที่เกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ จนทำให้ผู้ประกอบการบางรายต้องหันไปพึ่งหนี้นอกระบบ และเห็นว่าดอกเบี้ยไม่ได้มีส่วนสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อ โดยโจทย์ที่สำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีแข็งแกร่ง คือการเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ”
สำหรับสินเชื่อเอสเอ็มอีในระบบจะโตต่ำกว่า 1-2% เนื่องจากธนาคารพาณิชย์กังวลเรื่องหนี้เสีย จึงระมัดระวังการให้สินเชื่อ แต่ในส่วนของธนาคารนั้น คาดว่าจะโต 20% ส่วนการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด โดยธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยลงเช่นกัน
นอกจากนี้จะต้องจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระหว่างวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ว่า ว่าจะส่งสัญญาณเรื่องอัตราดอกเบี้ยอย่างไรบ้าง ซึ่งจะสร้างความผันผวนให้อัตราแลกเปลี่ยน และตลาดหุ้นทั่วโลกต่อไป จนกว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากเฟดขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้มีเงินทุนไหลกลับไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผลตอบแทนที่สูงกว่า ตลาดหุ้นไทยก็จะปรับตัวลดลง ขณะที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า และสภาพคล่องก็จะน้อยลงด้วย แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยสามารถรองรับได้ เพราะสภาพคล่องยังเพียงพอรองรับเงินทุนเคลื่อนย้าย
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 17 มีนาคม 2558
"บุญทักษ์" ชี้แบงก์ลดดอกเบี้ยตามกนง.ขึ้นอยู่สภาพคล่อง-การแข่งขันในตลาด จับตาประชุมเฟด17-18 มี.ค.นี้
นายบุญทักษ์ หวังเจริญประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารทหารไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพคล่องและการแข่งขันในตลาดหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 1.75% แต่เชื่อว่าการลดดอกเบี้ยลง ไม่ได้ส่งผลให้ต้นทุนภาคธุรกิจมากนัก เพราะดอกเบี้ยเป็นปัจจัยหนึ่งใน 4 ปัจจัยหลัก ที่มีผลต่อต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ
“ถ้าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว กำลังซื้อก็ไม่ได้เพิ่ม ลดดอกเบี้ยไม่ได้มีผลต่อธุรกิจ แต่ปัญหาของภาคธุรกิจที่แท้จริง ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คือการเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนมากกว่าเนื่องจากธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในเรื่องการให้สินเชื่อ หลังจากที่เกิดปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ จนทำให้ผู้ประกอบการบางรายต้องหันไปพึ่งหนี้นอกระบบ และเห็นว่าดอกเบี้ยไม่ได้มีส่วนสนับสนุนการเติบโตของสินเชื่อ โดยโจทย์ที่สำคัญ ที่ทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีแข็งแกร่ง คือการเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ”
สำหรับสินเชื่อเอสเอ็มอีในระบบจะโตต่ำกว่า 1-2% เนื่องจากธนาคารพาณิชย์กังวลเรื่องหนี้เสีย จึงระมัดระวังการให้สินเชื่อ แต่ในส่วนของธนาคารนั้น คาดว่าจะโต 20% ส่วนการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด โดยธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยลงเช่นกัน
นอกจากนี้จะต้องจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระหว่างวันที่ 17-18 มี.ค.นี้ว่า ว่าจะส่งสัญญาณเรื่องอัตราดอกเบี้ยอย่างไรบ้าง ซึ่งจะสร้างความผันผวนให้อัตราแลกเปลี่ยน และตลาดหุ้นทั่วโลกต่อไป จนกว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งหากเฟดขึ้นดอกเบี้ย จะทำให้มีเงินทุนไหลกลับไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผลตอบแทนที่สูงกว่า ตลาดหุ้นไทยก็จะปรับตัวลดลง ขณะที่เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า และสภาพคล่องก็จะน้อยลงด้วย แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยสามารถรองรับได้ เพราะสภาพคล่องยังเพียงพอรองรับเงินทุนเคลื่อนย้าย
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 17 มีนาคม 2558