Page 1 of 1

ครม.ศก.คาดปี58 GDPโต3.5-4.5% เร่งขับเคลื่อนท่องเที่ยว-ลงทุนภ

Posted: 18 Mar 2015, 17:16
by brid.ladawan
ครม.ศก.คาดปี58 GDPโต3.5-4.5% เร่งขับเคลื่อนท่องเที่ยว-ลงทุนภาครัฐ


วันที่ 18 มีนาคม นายอาคม เติมพิยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล รองผู้การรถไฟฟ้าขนส่งมลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกันแถลงข่าวว่าภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เศรษฐกิจ (ครม.ศก.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล หารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจ หลังจากคาดการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัวเหลือร้อยละ 3.5 และตลาดเกิดใหม่ ชะลอตัวเหมือนกับไทย ส่งผลต่อราคาสินค้าเกษตร ทำให้รายได้ชาวบ้านลดลง และแรงงานอุตสาหกรรมลดลง จึงต้องหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน นายกรัฐมนตรีจึงกำชับกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) รักษาฐานตลาดเดิมให้เหมือนเดิม และเน้นพัฒนาเศรษฐกิจ ตามแนวชายแดนเพื่อส่งออกสินค้าไปเพื่อนบ้านแทนตลาดโลก และคงตลาดเก่า สร้าางส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มมากขึ้น


ทั้งนี้ การเร่งรัดโครงการลงทุน คาดว่าสิ้นเดือนมี.ค. จะทำสัญญาจัดซื้อได้ร้อยละ 90 ของโครงการทั้งหมด เร่งรัดก่อสร้างรถไฟฟ้าทุกเส้นทางรายงานครม. ทุกสัปดาห์ ผลักดันโครงการป้องกันน้ำท่วม 3.8 หมื่นล้านบาท เพื่อปรับระบบชลประทาน การเตรียมหาทางลดต้นทุนการผลิตเกษตรกรในปีนี้ ทั้งโรงสีชุมชน รถเกี่ยวข้าวร่วมกัน และพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อดึงรายได้เข้าประเทศ และเพิ่งตนเองในประเทศแทนการส่งออกที่ชะลอตัว หวังจีดีพีจะขยายตัวดีขึ้นในไตรมาส 2 ต่อ 3 จะเป็นช่วงที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ เป็นต้นไป


ส่วนสาเหตุที่เศราฐกิจไทยชะลอตัว เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ สภาวะเศรษฐของโลก ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้ การจัดระเบียบ ของภาครัฐ ที่ทำให้ธุรกิจมืด ที่สร้างรายได้ให้กับคนรากหญ้า เม็ดเงินลดลง และ การแก้ไขโครงสร้างกฎหมาย แต่รัฐบาล จะเดินหน้า เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ยั่งยืน โดยไม่ใช้วิถีการอัดเม็ดเงิน หรือกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เพราะจะทำให้เสียวินัยการเงิน และการคลัง รวมถึงเป็นการเพิ่มหนี้สาธารณะ โดยยอมรับว่า ที่ผ่านมามาตรการประชานิยมบางอย่าง มีส่วนกระตุ้นเศณษฐกิจ แต่ทำให้เสียวินัยการคลัง


นายอาคม เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ดีขึ้นตั้งแต่ กลางปี 2557 เพราะรัฐบาลเร่งรัดการเบิดจ่ายงบประมาณ ที่ค่างท่อตั้งแต่ปี 2556 /25572558 / ส่วนงบประมาณปี 2558 จะเน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ต่างๆ ทั้งนี้การเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงไตรมาสแรก มีงบลงทุนเพิ่มถึงร้อยละ 6 และในเดือนมีนาคม คาดจะเบิกจ่ายได้มากกว่าร้อยละ 6


ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยว ดีขึ้น ส่วนใหญ่ยังเป็นจีน ซึ่งแสดงให้เห็นว่านักนักท่องเที่ยวยังมีความเชื่อมั่น ในสถานการณ์ภายในประเทศ ด้านการลงทุนของภาคเอกชน ได้รับอานิสงค์มาตรการด้านการเงิน ที่ปรับลดเอกเบี้ย ลงมา 0.25 ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการลงทุนในภาคเอกชน ซึ่งมาตราการทั้งหมดจะทำให้ จีดีพี ในไตรมาสแรกปี 2558 โต ถึงร้อยละ 3 และจะโตขึ้นเรื่อยในไตรมาศต่อไป เนื่องจากจะมีการทำสัญญาการก่อสร้างโครงการต่างๆให้แล้วเสร็จในเดือนมีนาคม และจะมีเม็ดเงินของกระทรวงคมนาคม อีก 4 หมื่นล้านบาท โดยปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในปี 2558 คือ เรื่องการท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐ การบริโภค และภาคการเกษตร ทั้งนี้คาดการณ์จีดีพีทั้งปีโตร้อยละ 3.5-4.5


ส่วนความคืบหน้า โครงการก่อสร้างรถไฟไทย จีน นายอาคม เปิดเผยว่า ทั้ง2 ประเทศ ประชุมรวมกันไปแล้ว 3 ครั้ง ซึ่งตกลงกันว่า การออกแบบ และการใช้เทคโนโลยีระบบราง เป็นของจีน ส่วนบริษัทก่อสร้างจะเป็นของไทย ส่วนการเดินรถ ตกลงว่า จะมีการตั้งบริษัทเดินรถร่วม ขณะที่แหล่งเงินมาจากทั้งงบประมาณ จะมีทั้งใช้งบในประเทศ และกู้จากจีนในเรื่องตัวรถและระบบอาณัติสัญญาณ ต่างๆ โดยตาราเวลาที่กำหนดไว้ ในเดือนมี.ค.-ส.ค. ศึกษาความเป็นไปได้ และการสำรวจ และออกแบบระบบ ในช่วง 2 เส้นทาง คือ 1.กรุงเทพ -แก่งคอย และ 2. แก่งคอย-มาบตาพุด


ขณะที่เดือนก.ย. จะเป็นการอนุมัติในขั้นตอนต่างๆ ซึ่ง 2 ช่วงแรก จะเริ่มก่อสร้างในเดือนต.ค. โดยจะต้องทำควบคู่กับการสำรวจผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนช่วงที่ 3 แก่งคอย -นครราชสีมา และช่วงที่ 4 นครราชสีมาถึง หนองคาย จะทำเรื่องการสำรวจและออกแบบ คาดว่าจะเป็นภายในเดือนพ.ย.และธ.ค.นี้ ส่วนการก่อสร้างคาดว่าเริ่มต้นปี 2559


ขณะที่นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล รองผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย รายงานความคืบหน้าโครงการก่อสร้างไฟฟ้า 6 สายที่สำคัญ โดยสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กิโลเมตร ทางไทยได้เร่งรัดประเทศญี่ปุ่นในการประกอบตัวรถเพื่อนำมาทดลองการเดินรถ ขบวนแรกภายในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน จากนั้นจึงจะทยอยส่งตัวรถโดยเดือนก.ย. จะมีการทดสอบและทดลองเดินรถทั้งระบบในเดือนมี.ค. 2559 และ เปิดเต็มรูปแบบเดือนส.ค. 2559


ส่วนสายที่ 2 สายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระและหัวลำโพง-บางแค ระยะทาง 27 กิโลเมตร มีความคืบหน้าด้านโยธา ร้อยละ 60 และอยู่ระหว่างให้บริษัทเอกชนเข้าร่วมแข่งขันระบบงานเดินรถ คาดเปิดให้บริการกลางปี 2562


ขณะที่สายสีเขียวสายใต้ แบริ่ง-สมุทรปราการ มีความคืบหน้าในการก่อสร้างกว่าร้อยละ 51 คาดว่าจะเปิดเดินรถได้ทันในปี 2563 เช่นเดียวกับสายสีเขียวเหนือ หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จะเริ่มก่อนสร้างในเดือนมิ.ย.นี้


สำหรับรถไฟอีก 3 สายที่รฟม.อยู่ระหว่างการขออนุมัติดำเนินโครงการต่อกระทรวงคมนาคมก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. ประกอบด้วย สายสีส้ม พระราม9–มีนบุรี ช่วงระยะทาง 21 กม. หาก ครม.อนุมัติจะเปิดให้ประกวดราคาก่อสร้างได้ในปีนี้คาดจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2559 และเดินรถได้ในปี 2563 ส่วนสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง นั้น หากผ่านความเห็นชอบคาดว่าจะเริ่มโครงการได้ในปี 2563



ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันที่ 18 มี.ค. 2558