ตลท.คาดเริ่มใช้ T+2 ภายในปี 59

[brid.ladawan]

ตลท.คาดเริ่มใช้ T+2 ภายในปี 59

ตลาดหลักทรัพย์ คาดเริ่มใช้ T+2 ภายในปี 59 พร้อมหารือ ก.ล.ต. เปิดจองหุ้นเพิ่มทุนผ่านระบบออนไลน์ - ลดขั้นตอนเอกสาร

นายบดินทร์ อูนากูล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานบริหารและดูแลสายงานปฏิบัติการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ปลายปีนี้ตลาดหลักทรัพย์จะหารือกับบริษัทหลักทรัพย์ เพื่อสรุปความพร้อมในการลดระยะเวลาการชำระราคาหลักทรัพย์และส่งมอบหลักทรัพย์ให้สามารถดำเนินการได้ภายใน 2 วันทำการ (T+2) จากปัจจุบันที่ 3 วันทำการ (T+3) โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มใช้ T+2 ในปี 2559

ทั้งนี้การเปลี่ยนมาใช้ T+2 จะทำให้การชำระราคาและส่งมอบได้เร็วขึ้น ลดความเสี่ยงในการชำระราคา และให้เป็นไปมาตรฐานสากล โดยตลาดหลักทรัพย์ในยุโรปได้เปลี่ยนการชำระราคาเป็น T+2 แล้วในปีที่ผ่านมา และตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียเปลี่ยนมาใช้ T+2 แล้ว เช่น ฮ่องกง เกาหลี ไต้หวัน ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ก็มีแผนจะใช้ T+2 ในปี 2559-2560

"ปลายปีนี้ตลาดหลักทรัพย์จะหารือกับบริษัทหลักทรัพย์สมาชิกในเรื่องการชำระราคาเป็น T+2 ซึ่งก็จะมีการหารือเกี่ยวกับในเรื่องความพร้อม และต้นทุนในการทำคุ้มหรือไม่ ประโยชน์ที่ได้รับ เพราะการเปลี่ยน T+2 ก็มีความเป็นห่วงลูกค้าต่างประเทศที่จะชำระราคาได้ทันหรือไม่ ส่วนนักลงทุนไทยไม่ห่วงเพราะตัดบัญชีอัตโนมัติ (ATS) อยู่แล้ว"นายบดินทร์ กล่าว

นอกจากนี้ ในช่วงกลางปี 2558 ตลาดหลักทรัพย์ฯจะเริ่มใช้ระบบการชำระราคาหลักทรัพย์ใหม่ ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้ทัดเทียมกับบริษัทสำนักหักบัญชีชั้นนำของโลก ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม ซึ่งระบบชำระราคาใหม่นี้จะสามารถรองรับในหลากหลายตลาด (Multi- MarKets) และการชำระราคาในสกุลเงินต่างประเทศๆนอกเหนือจากสกุลเงินบาท (Multi-Currencies) ลดความเสี่ยงของระบบโดยรวมจากการรองรับงานชำระราคาของสินค้าประเภทต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นหลักทรัพย์ หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า โดยอยู่บนระบบเดียวกัน (Integrated Clearing System) และเพิ่มความรวดเร็วและลดขั้นตอนการปิดสมุดทะเบียนของสมาชิก รองรับการเพิ่มสินค้าและบริการใหม่ได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการลดภาระการทำงานของสมาชิก และสนับสนุนให้ทำงานในรูปแบบ Straight-Through Processing (STP) มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานไปสู่การปรับเปลี่ยนระยะเวลาการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ (Settlement Cycle)ให้สั้นลงในอนาคต

รวมถึงในอนาคตหากมีการเปิดซื้อขายหุ้นหรือสินค้าอื่นๆ ด้วยสกุลเงินต่างประเทศนั้น นักลงทุนสามารถที่จะให้บริษัท ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (TSD) เป็นนายทะเบียน โดยสามารถนำหลักทรัพย์มาฝากที่ TSD ได้ และ TSD ก็จะมีการพัฒนาระบบ Investor Portal เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้ามาตรวจสอบหลักทรัพย์ทั้งหมดของตนเองได้ แม้จะมีการเปิดซื้อขายหลักทรัพย์กับหลายโบรกเกอร์ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือว่าเป็นการปกป้องนักลงทุน จากที่ตรวจสอบได้ว่ามาร์เก็ตติ้งมีการแอบโยกหุ้นของลูกค้าออกไปหรือไม่ หลังจากที่ผ่านมาก็มีข่าวว่ามาร์เก็ตติ้งมีกาขายหุ้นของลูกค้าออกไป โดยที่ลูกค้าไม่ทราบ แต่การดำเนินการดังกล่าวนั้น นักลงทุนสามารถที่จะเข้าไปตรวจสอบข้อมูลของตัวเองที่มีการซื้อขายในหลายโบรกเกอร์นั้น คาดว่าจะสามารถดูได้ปลายปีนี้ เพราะปัจจุบันยังติดกฎหมายเรื่องสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งตลาดฯ ต้องหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกเกณฑ์รองรับการดำเนินการดังกล่าว
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/deta ... oAElj.dpuf

ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 20 มีนาคม 2558