เศรษฐีเอเชียจะคว่ำเศรษฐีอเมริกัน
Posted: 23 Mar 2015, 18:16
เศรษฐีเอเชียจะคว่ำเศรษฐีอเมริกัน
แม้ว่าหลายสำนักเศรษฐกิจทั้งต่างประเทศและในประเทศ จะแห่ลดเป้าเศรษฐกิจอย่างเมามันนับตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด และดูจะเป็นความจริงเสมอ คือ คนรวยยิ่งรวยต่อไป คนจนยิ่ง ..... ต่อไป สำหรับคนรวยแล้วมีหลายแง่มุมที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้น คือ เศรษฐีในเอเชียและเศรษฐีในสหรัฐฯ จำนวนเศรษฐีในอาเซียนเมื่อปีที่ผ่านไปนั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก โดยเฉพาโดย บัญชา ชุมชัยเวทย์ 23 มี.ค. 2558 05:30
1,059 ครั้ง
ะเศรษฐีไทยรวยอู้ฟู้มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากที่สุด แต่เชื่อมั่นครับว่า ภายในปีหน้า เมื่อรวมเศรษฐีในอาเซียนกับเศรษฐีญี่ปุ่นแล้ว พูดรวมๆ คือ เศรษฐีเอเชียจะมูลค่าความร่ำรวยของเศรษฐีในทวีปเอเชีย จะแซงหน้าเศรษฐีอเมริกันอย่างแน่นอน
ผลสำรวจของบริษัท Capgemini SA และหน่วยธุรกิจที่มีชื่อว่า RBC Wealth Management ของธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ แคนาดา ชี้ให้เห็นว่า มหาเศรษฐีในเอเชียมีจำนวนแซงหน้าภูมิภาคอื่นๆ ของโลกเป็นครั้งแรกในปีที่แล้ว ขณะที่วิกฤติหนี้ยุโรป ส่งผลให้ความมั่งคั่งโดยรวมลดลง มหาเศรษฐีในผลสำรวจฉบับนี้ หมายถึงผู้ที่มีสินทรัพย์ที่สามารถนำไปลงทุนได้เป็นมูลค่าอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์ ไม่เพียงเท่านั้น ผลสำรวจยังบอกต่อไปอีกว่า ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก มีจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้น 1.6% แตะระดับ 3.37 ล้านคนในปี 2554 ขณะที่เศรษฐกิจในภูมิภาคดังกล่าวมีการขยายตัวแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคที่พัฒนาแล้ว อย่างยุโรปและอเมริกาเหนือ ประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่น กลายเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญที่สุดต่อมูลค่าความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของ เอเชีย โดยมีสัดส่วนมหาเศรษฐีราว 70% ของทั้งภูมิภาค
ส่วนจำนวนมหาเศรษฐีในสหรัฐฯ ลดลง 1.1% มาอยู่ที่ 3.35 ล้านคนในปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน เศรษฐีแถบยุโรปที่เผชิญวิกฤติ ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในรัสเซีย เนเธอร์แลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ ส่งผลให้จำนวนมหาเศรษฐีในยุโรปเพิ่มขึ้นเป็น 3.17 ล้านคน แต่สินทรัพย์โดยรวมมีมูลค่าลดลง 1.1% สู่ระดับ 10.1 ล้านล้านดอลลาร์ วิกฤติหนี้สินยุโรปและแนวโน้มอื่นๆ ของเศรษฐกิจโลก คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความมั่งคั่งในเอเชียลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า แต่ “ภูมิภาคนี้ก็ยังเผชิญปัจจัยท้าทายภายใน เช่น ภาวะเงินเฟ้อ, การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าลง และการไหลออกของเงินทุน”
“แม้กระนั้นก็ตาม เอเชียแปซิฟิกยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากกว่าภูมิภาคอื่น และคาดว่าจำนวนผู้มีความมั่งคั่งสูง และมูลค่าสินทรัพย์โดยรวมจะขยับสูงขึ้น เรื่อยๆ” นี่เป็นเพียงประโยคบรรทัดหนึ่งในรายงานที่พูดชัดเจนเกี่ยวกับศักยภาพรวยอู้ฟู้อย่างไม่สิ้นสุดต่อไปของเศรษฐีแห่งเอเชีย คำถาม คือ คนรวยในเอเชียเพิ่มความร่ำรวยให้ตัวเองกันยังไง บุคคลร่ำรวยในเอเชียเริ่มแสวงหาแหล่งทำเงินในต่างประเทศที่ไม่ไกลจากบ้าน เช่น สิงคโปร์และฮ่องกง เป็นต้น เพื่อจะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆอย่างกว้างขวาง, ผลประโยชน์ด้านภาษี ตลอดจนข้อมูลลับเฉพาะทางการเงินอีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม อุปสรรคในการบริหารความมั่งคั่งในต่างประเทศก็มีอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะความสามารถ ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง และต้นทุนในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ รวมถึงข้อจำกัดด้านบริการต่างๆ ซึ่งเป็นผลมาจากระเบียบปฏิบัติที่เข้มงวดขึ้นนั่นเอง
นั่นหมายความว่า จำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลกยังคงทรงตัวที่ราว 11 ล้านคน ขณะที่อเมริกาเหนือยังคงเป็นภูมิภาคที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 11.4 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบกับ 10.7 ล้านล้านดอลลาร์ของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ส่วนสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเยอรมนี ยังคงเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรที่ร่ำรวยทั่วโลก กลับมาที่บ้านเรากันครับ เราจะมีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของความร่ำรวยรวมกันแซงหน้าเศรษฐีอเมริกาหรือไม่? เอาเป็นว่าสถิติอย่างนี้ ทำให้ตัวเรารู้สึกดีขึ้นในทางจิตวิทยา แต่สำคัญที่สุด คือ ขอให้ร่ำรวยด้วยสุขภาพกันดีกว่านะครับ
บัญชา ชุมชัยเวทย์
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 23 มี.ค. 2558
แม้ว่าหลายสำนักเศรษฐกิจทั้งต่างประเทศและในประเทศ จะแห่ลดเป้าเศรษฐกิจอย่างเมามันนับตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัด และดูจะเป็นความจริงเสมอ คือ คนรวยยิ่งรวยต่อไป คนจนยิ่ง ..... ต่อไป สำหรับคนรวยแล้วมีหลายแง่มุมที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้น คือ เศรษฐีในเอเชียและเศรษฐีในสหรัฐฯ จำนวนเศรษฐีในอาเซียนเมื่อปีที่ผ่านไปนั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก โดยเฉพาโดย บัญชา ชุมชัยเวทย์ 23 มี.ค. 2558 05:30
1,059 ครั้ง
ะเศรษฐีไทยรวยอู้ฟู้มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากที่สุด แต่เชื่อมั่นครับว่า ภายในปีหน้า เมื่อรวมเศรษฐีในอาเซียนกับเศรษฐีญี่ปุ่นแล้ว พูดรวมๆ คือ เศรษฐีเอเชียจะมูลค่าความร่ำรวยของเศรษฐีในทวีปเอเชีย จะแซงหน้าเศรษฐีอเมริกันอย่างแน่นอน
ผลสำรวจของบริษัท Capgemini SA และหน่วยธุรกิจที่มีชื่อว่า RBC Wealth Management ของธนาคารรอยัล แบงก์ ออฟ แคนาดา ชี้ให้เห็นว่า มหาเศรษฐีในเอเชียมีจำนวนแซงหน้าภูมิภาคอื่นๆ ของโลกเป็นครั้งแรกในปีที่แล้ว ขณะที่วิกฤติหนี้ยุโรป ส่งผลให้ความมั่งคั่งโดยรวมลดลง มหาเศรษฐีในผลสำรวจฉบับนี้ หมายถึงผู้ที่มีสินทรัพย์ที่สามารถนำไปลงทุนได้เป็นมูลค่าอย่างน้อย 1 ล้านดอลลาร์ ไม่เพียงเท่านั้น ผลสำรวจยังบอกต่อไปอีกว่า ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก มีจำนวนมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้น 1.6% แตะระดับ 3.37 ล้านคนในปี 2554 ขณะที่เศรษฐกิจในภูมิภาคดังกล่าวมีการขยายตัวแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคที่พัฒนาแล้ว อย่างยุโรปและอเมริกาเหนือ ประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่น กลายเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญที่สุดต่อมูลค่าความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นของ เอเชีย โดยมีสัดส่วนมหาเศรษฐีราว 70% ของทั้งภูมิภาค
ส่วนจำนวนมหาเศรษฐีในสหรัฐฯ ลดลง 1.1% มาอยู่ที่ 3.35 ล้านคนในปีที่แล้ว ในขณะเดียวกัน เศรษฐีแถบยุโรปที่เผชิญวิกฤติ ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในรัสเซีย เนเธอร์แลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ ส่งผลให้จำนวนมหาเศรษฐีในยุโรปเพิ่มขึ้นเป็น 3.17 ล้านคน แต่สินทรัพย์โดยรวมมีมูลค่าลดลง 1.1% สู่ระดับ 10.1 ล้านล้านดอลลาร์ วิกฤติหนี้สินยุโรปและแนวโน้มอื่นๆ ของเศรษฐกิจโลก คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความมั่งคั่งในเอเชียลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า แต่ “ภูมิภาคนี้ก็ยังเผชิญปัจจัยท้าทายภายใน เช่น ภาวะเงินเฟ้อ, การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ช้าลง และการไหลออกของเงินทุน”
“แม้กระนั้นก็ตาม เอเชียแปซิฟิกยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตมากกว่าภูมิภาคอื่น และคาดว่าจำนวนผู้มีความมั่งคั่งสูง และมูลค่าสินทรัพย์โดยรวมจะขยับสูงขึ้น เรื่อยๆ” นี่เป็นเพียงประโยคบรรทัดหนึ่งในรายงานที่พูดชัดเจนเกี่ยวกับศักยภาพรวยอู้ฟู้อย่างไม่สิ้นสุดต่อไปของเศรษฐีแห่งเอเชีย คำถาม คือ คนรวยในเอเชียเพิ่มความร่ำรวยให้ตัวเองกันยังไง บุคคลร่ำรวยในเอเชียเริ่มแสวงหาแหล่งทำเงินในต่างประเทศที่ไม่ไกลจากบ้าน เช่น สิงคโปร์และฮ่องกง เป็นต้น เพื่อจะสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆอย่างกว้างขวาง, ผลประโยชน์ด้านภาษี ตลอดจนข้อมูลลับเฉพาะทางการเงินอีกต่างหาก อย่างไรก็ตาม อุปสรรคในการบริหารความมั่งคั่งในต่างประเทศก็มีอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการขาดแคลนบุคลากรที่มีทักษะความสามารถ ความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง และต้นทุนในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ รวมถึงข้อจำกัดด้านบริการต่างๆ ซึ่งเป็นผลมาจากระเบียบปฏิบัติที่เข้มงวดขึ้นนั่นเอง
นั่นหมายความว่า จำนวนมหาเศรษฐีทั่วโลกยังคงทรงตัวที่ราว 11 ล้านคน ขณะที่อเมริกาเหนือยังคงเป็นภูมิภาคที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 11.4 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบกับ 10.7 ล้านล้านดอลลาร์ของภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ส่วนสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเยอรมนี ยังคงเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรที่ร่ำรวยทั่วโลก กลับมาที่บ้านเรากันครับ เราจะมีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของความร่ำรวยรวมกันแซงหน้าเศรษฐีอเมริกาหรือไม่? เอาเป็นว่าสถิติอย่างนี้ ทำให้ตัวเรารู้สึกดีขึ้นในทางจิตวิทยา แต่สำคัญที่สุด คือ ขอให้ร่ำรวยด้วยสุขภาพกันดีกว่านะครับ
บัญชา ชุมชัยเวทย์
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 23 มี.ค. 2558