กสิกรฯ มอง ศก.ฟื้นช้ากว่าคาดการณ์ หั่นจีดีพีปีนี้ โตแค่ 2.8%
Posted: 23 Mar 2015, 18:17
กสิกรฯ มอง ศก.ฟื้นช้ากว่าคาดการณ์ หั่นจีดีพีปีนี้ โตแค่ 2.8%
ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ปรับลด จีดีพีไทยเหลือโต 2.8% จากเดิม 4% เหตุ ศก.ฟื้นช้า ส่งออกหด คาดไตรมาสแรกปีอาจติดลบ 3.9% อีกทั้งบริโภค-ลงทุนเอกชนไม่ฟื้น รอความชัดเจนลงทุนภาครัฐ แต่ยังมีปัจจัยหนุนการท่องเที่ยวกลับฟื้นตัวได้เร็วเกินคาด และแรงกดเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ...
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นางพิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเหลือโต 2.8% จากเดิมที่ 4% โดยระบุว่าแม้เศรษฐกิจจะมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แต่เป็นการฟื้นตัวช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
ส่วนสาเหตุของการปรับลดจีดีพีลง เนื่องจาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ 1. การส่งออกมีแนวโน้มหดตัวกว่าที่คาดในช่วง 3 เดือนแรก ส่งผลให้ไตรมาสแรกปีนี้ การส่งออกอาจติดลบ 3.9% เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดิ่งลง 2. การบริโภคภาคเอกชน โดยอานิสงส์จากราคาพลังงานที่ลดลง ยังไม่สามารถชดเชยแรงหน่วงจากความอ่อนแอ ของกำลังซื้อในกลุ่มเกษตรกร และภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นได้ 3. การลงทุนภาคเอกชนที่อาจรอสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนของภาครัฐที่ชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาด, รัฐบาลเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแรงกดดันเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปีนี้การส่งออกอาจจะไม่ขยายตัวได้เลย หรือเท่ากับ 0% จากเดิมที่เคยคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% ส่วนการนำเข้าคาดว่าจะขยายตัว 3.5% จากเดิมคาดไว้ 5.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงมาที่ 0.5% จากเดิมคาดไว้ 1.5% อย่างไรก็ตาม การส่งออกคงไม่ใช่ปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ แต่คงต้องจับตาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ราคาน้ำมัน หากเริ่มกลับมาผงกหัวขึ้นก็อาจจะส่งผลให้การส่งออกช่วงครึ่งปีหลังดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก
ส่วนการประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปีนี้ ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลงจากเดิมที่คาดไว้ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล นอกจากนี้ ยังต้องจับตาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมทั้งงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 มูลค่า 80,000 ล้านบาท หากเม็ดเงินทยอยออกมาสู่ระบบเศรษฐกิจได้เร็วก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังได้ค่อนข้างมาก
สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐนั้น ในส่วนของรายจ่ายประจำคงไม่น่าเป็นห่วง เพราะเชื่อว่ารัฐบาลจะผลักดันการเบิกจ่ายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมาย แต่การเบิกจ่ายงบลงทุนไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 58 (ต.ค.-ธ.ค.57) ยังทำได้ล่าช้า เนื่องจากมีข้อติดขัดเรื่องการตรวจสอบความโปร่งใส แต่คาดว่าตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 58 งบที่ยังค้างอยู่ก็น่าจะเริ่มทยอยเบิกจ่ายออกมาได้ โดยเฉพาะงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ที่น่าจะช่วยได้เร็วกว่างบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ
ด้านนายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวอีกว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มีโอกาสปรับลดลงได้อีกหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาปรับลดคาดการณ์ จีดีพีในปีนี้ลงเหลือ 3.8% จากเดิม 4% ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยเชื่อว่าไม่สามารถเติบโตได้ตามที่ ธปท.คาดการณ์ แต่ก็ต้องติดตามทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ด้วย
"ถ้า ธปท.จะปรับดอกเบี้ย ก็จะต้องปรับลดจีดีพีลง ดังนั้นจะต้องส่งสัญญาณว่า จีดีพี ระดับ 3.8% ยังยืนได้หรือไม่ แต่เรามองว่ายืนไม่ได้ เรามองว่าดอกเบี้ยมีโอกาสจะลงได้อีก เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดี แต่เราอาจจะมองผิด ก็ต้องรอดูต่อไป" นายเชาว์ กล่าว
ส่วนแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมุมมองที่เงินบาทจะอ่อนค่า โดยคาดว่าทั้งปีเงินบาทจะเฉลี่ยอยู่ที่ 34.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทยด้วยว่า มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นโดยคาดว่า ณ สิ้นปี 58 ยอดหนี้ครัวเรือนจะอยู่ที่ระดับ 88-89% ต่อจีดีพี โดยขยับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/57 ที่ระดับ 83.5% และไตรมาส 4/57 ที่ระดับ 85.5% เนื่องจากการบริโภคในภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเร็วกว่าภาคธุรกิจ จึงทำให้ปริมาณสินเชื่อถูกผลักดันจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นหลัก ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ยังเป็นเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา.
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 23 มี.ค. 2558
ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ปรับลด จีดีพีไทยเหลือโต 2.8% จากเดิม 4% เหตุ ศก.ฟื้นช้า ส่งออกหด คาดไตรมาสแรกปีอาจติดลบ 3.9% อีกทั้งบริโภค-ลงทุนเอกชนไม่ฟื้น รอความชัดเจนลงทุนภาครัฐ แต่ยังมีปัจจัยหนุนการท่องเที่ยวกลับฟื้นตัวได้เร็วเกินคาด และแรงกดเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ...
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. นางพิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเหลือโต 2.8% จากเดิมที่ 4% โดยระบุว่าแม้เศรษฐกิจจะมีทิศทางปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา แต่เป็นการฟื้นตัวช้ากว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
ส่วนสาเหตุของการปรับลดจีดีพีลง เนื่องจาก 3 ปัจจัยสำคัญ คือ 1. การส่งออกมีแนวโน้มหดตัวกว่าที่คาดในช่วง 3 เดือนแรก ส่งผลให้ไตรมาสแรกปีนี้ การส่งออกอาจติดลบ 3.9% เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ดิ่งลง 2. การบริโภคภาคเอกชน โดยอานิสงส์จากราคาพลังงานที่ลดลง ยังไม่สามารถชดเชยแรงหน่วงจากความอ่อนแอ ของกำลังซื้อในกลุ่มเกษตรกร และภาระหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นได้ 3. การลงทุนภาคเอกชนที่อาจรอสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนของภาครัฐที่ชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติมจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็วกว่าคาด, รัฐบาลเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแรงกดดันเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปีนี้การส่งออกอาจจะไม่ขยายตัวได้เลย หรือเท่ากับ 0% จากเดิมที่เคยคาดว่าจะขยายตัวได้ 3.5% ส่วนการนำเข้าคาดว่าจะขยายตัว 3.5% จากเดิมคาดไว้ 5.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อลดลงมาที่ 0.5% จากเดิมคาดไว้ 1.5% อย่างไรก็ตาม การส่งออกคงไม่ใช่ปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ แต่คงต้องจับตาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ราคาน้ำมัน หากเริ่มกลับมาผงกหัวขึ้นก็อาจจะส่งผลให้การส่งออกช่วงครึ่งปีหลังดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก
ส่วนการประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปีนี้ ที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล ลดลงจากเดิมที่คาดไว้ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล นอกจากนี้ ยังต้องจับตาการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมทั้งงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 มูลค่า 80,000 ล้านบาท หากเม็ดเงินทยอยออกมาสู่ระบบเศรษฐกิจได้เร็วก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลังได้ค่อนข้างมาก
สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐนั้น ในส่วนของรายจ่ายประจำคงไม่น่าเป็นห่วง เพราะเชื่อว่ารัฐบาลจะผลักดันการเบิกจ่ายได้ใกล้เคียงกับเป้าหมาย แต่การเบิกจ่ายงบลงทุนไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 58 (ต.ค.-ธ.ค.57) ยังทำได้ล่าช้า เนื่องจากมีข้อติดขัดเรื่องการตรวจสอบความโปร่งใส แต่คาดว่าตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 58 งบที่ยังค้างอยู่ก็น่าจะเริ่มทยอยเบิกจ่ายออกมาได้ โดยเฉพาะงบกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 ที่น่าจะช่วยได้เร็วกว่างบลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ
ด้านนายเชาว์ เก่งชน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวอีกว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีนี้มีโอกาสปรับลดลงได้อีกหากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาปรับลดคาดการณ์ จีดีพีในปีนี้ลงเหลือ 3.8% จากเดิม 4% ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยเชื่อว่าไม่สามารถเติบโตได้ตามที่ ธปท.คาดการณ์ แต่ก็ต้องติดตามทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ด้วย
"ถ้า ธปท.จะปรับดอกเบี้ย ก็จะต้องปรับลดจีดีพีลง ดังนั้นจะต้องส่งสัญญาณว่า จีดีพี ระดับ 3.8% ยังยืนได้หรือไม่ แต่เรามองว่ายืนไม่ได้ เรามองว่าดอกเบี้ยมีโอกาสจะลงได้อีก เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดี แต่เราอาจจะมองผิด ก็ต้องรอดูต่อไป" นายเชาว์ กล่าว
ส่วนแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมุมมองที่เงินบาทจะอ่อนค่า โดยคาดว่าทั้งปีเงินบาทจะเฉลี่ยอยู่ที่ 34.00 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง
สำหรับสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของไทยด้วยว่า มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นโดยคาดว่า ณ สิ้นปี 58 ยอดหนี้ครัวเรือนจะอยู่ที่ระดับ 88-89% ต่อจีดีพี โดยขยับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/57 ที่ระดับ 83.5% และไตรมาส 4/57 ที่ระดับ 85.5% เนื่องจากการบริโภคในภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นเร็วกว่าภาคธุรกิจ จึงทำให้ปริมาณสินเชื่อถูกผลักดันจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคเป็นหลัก ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ยังเป็นเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงเมื่อเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา.
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 23 มี.ค. 2558