ตลาดรถยนต์ไร้ปัจจัยหนุน
Posted: 25 Mar 2015, 08:56
ตลาดรถยนต์ไร้ปัจจัยหนุน
ศูนย์วิจัยทหารไทยระบุพิษรถคันแรกฉุดยอดขายรถยนต์ปีนี้อยู่ที่ 900,000 คัน ชี้ครึ่งปีแรกยังไม่มีปัจจัยหนุนเหตุราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ -หนี้ครัวเรือนสูง
รายงานข่าวจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ยังคงได้รับผลกระทบด้านลบจากโครงการรถยนต์คันแรก โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์อยู่ที่ 900,000 คันเพิ่มขึ้น 2.1% จากปี 57 ที่ 880,000 คันโดยช่วงครึ่งปีแรกยังไร้วี่แววปัจจัยหนุนเนื่องจากกำลังซื้อที่ลดลงจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หนี้สินภาคครัวเรือน ที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมทั้งผลกระทบบางส่วนจากโครงการรถคันแรกที่ยังเหลืออยู่
สำหรับครึ่งปีหลัง มองว่ายอดขายรถน่าจะกระเตื้องขึ้นจากปัจจัยหนุนบางส่วน ได้แก่ การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ใช้ในการลงทุนให้เพิ่มขึ้น และการเร่งตัดสินใจของผู้บริโภค ที่กำลังมองหารถยนต์ในกลุ่มที่ราคาจะเพิ่มขึ้น จากการเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ในอัตราใหม่ ตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้1 ม.ค. 59 เป็นต้นไป ทำให้ราคารถยนต์เพิ่มขึ้น จากราคาขายเดิม 3-5% โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลาง-สูง หรือเครื่องยนต์มากกว่า 1,500 ซีซีขึ้นไป
ส่วนกลุ่มรถยนต์ที่จะฟื้นตัวก่อนคือ กลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลางขึ้นไป เช่น รถยนต์หรูหรา รถยนต์อเนกประสงค์ เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลาง-บนยังคงมีอยู่ รวมถึงฐานตลาดของกลุ่มนี้ยังไม่กว้างขวางนัก อย่างไรก็ดี รถยนต์นั่งขนาดกลางที่มีมากกว่า 7 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 12 ที่นั่ง ได้แก่ กลุ่มรถตู้ และรถบรรทุกขนาดเล็ก ที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการขนส่งรับจ้าง อาจได้รับผลกระทบจากระเบียบใหม่ ของกรมการขนส่งทางบก ที่เริ่มบังคับใช้วันที่ 23 มี.ค. นี้ ที่กำหนดให้ผู้ซื้อที่ต้องการขอจดทะเบียนรถยนต์ส่วนบุคคล ต้องแสดงการเสียภาษีเงินได้ย้อนหลัง 2 ปี แสดงฐานะการเงิน วัตถุประสงค์ของการใช้รถอย่างละเอียด และระบุสถานที่จอดรถ เพื่อเป็นการจัดระเบียบรถยนต์รับจ้างให้เป็นระบบ ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้ประกอบการรับจ้างขนส่งส่วนหนึ่งที่ไม่อยู่ในระบบ ชะลอการซื้อออกไปทำให้ยอดขายรถยนต์กลุ่มนี้ลดลง
ด้านกลุ่มรถยนต์เชิงพาณิชย์ จะได้รับผลดี จากการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้น ไปส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะฟื้นตัวช้าที่สุด คือ รถกระบะและรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ขณะที่รถยนต์อีโคคาร์ คาดว่าปีนี้ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง แต่จะเริ่มดีขึ้นในปีหน้า ด้วยอานิสงส์จากภาษีใหม่ที่จะปรับลดลงซึ่งทำให้ราคาขายลดลงจากราคาเดิม 3%
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 24 มีนาคม 2558
ศูนย์วิจัยทหารไทยระบุพิษรถคันแรกฉุดยอดขายรถยนต์ปีนี้อยู่ที่ 900,000 คัน ชี้ครึ่งปีแรกยังไม่มีปัจจัยหนุนเหตุราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ -หนี้ครัวเรือนสูง
รายงานข่าวจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ยังคงได้รับผลกระทบด้านลบจากโครงการรถยนต์คันแรก โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์อยู่ที่ 900,000 คันเพิ่มขึ้น 2.1% จากปี 57 ที่ 880,000 คันโดยช่วงครึ่งปีแรกยังไร้วี่แววปัจจัยหนุนเนื่องจากกำลังซื้อที่ลดลงจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ หนี้สินภาคครัวเรือน ที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง รวมทั้งผลกระทบบางส่วนจากโครงการรถคันแรกที่ยังเหลืออยู่
สำหรับครึ่งปีหลัง มองว่ายอดขายรถน่าจะกระเตื้องขึ้นจากปัจจัยหนุนบางส่วน ได้แก่ การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ใช้ในการลงทุนให้เพิ่มขึ้น และการเร่งตัดสินใจของผู้บริโภค ที่กำลังมองหารถยนต์ในกลุ่มที่ราคาจะเพิ่มขึ้น จากการเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ในอัตราใหม่ ตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่จะเริ่มมีผลบังคับใช้1 ม.ค. 59 เป็นต้นไป ทำให้ราคารถยนต์เพิ่มขึ้น จากราคาขายเดิม 3-5% โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลาง-สูง หรือเครื่องยนต์มากกว่า 1,500 ซีซีขึ้นไป
ส่วนกลุ่มรถยนต์ที่จะฟื้นตัวก่อนคือ กลุ่มรถยนต์นั่งขนาดกลางขึ้นไป เช่น รถยนต์หรูหรา รถยนต์อเนกประสงค์ เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลาง-บนยังคงมีอยู่ รวมถึงฐานตลาดของกลุ่มนี้ยังไม่กว้างขวางนัก อย่างไรก็ดี รถยนต์นั่งขนาดกลางที่มีมากกว่า 7 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 12 ที่นั่ง ได้แก่ กลุ่มรถตู้ และรถบรรทุกขนาดเล็ก ที่ไม่มีวัตถุประสงค์ในการขนส่งรับจ้าง อาจได้รับผลกระทบจากระเบียบใหม่ ของกรมการขนส่งทางบก ที่เริ่มบังคับใช้วันที่ 23 มี.ค. นี้ ที่กำหนดให้ผู้ซื้อที่ต้องการขอจดทะเบียนรถยนต์ส่วนบุคคล ต้องแสดงการเสียภาษีเงินได้ย้อนหลัง 2 ปี แสดงฐานะการเงิน วัตถุประสงค์ของการใช้รถอย่างละเอียด และระบุสถานที่จอดรถ เพื่อเป็นการจัดระเบียบรถยนต์รับจ้างให้เป็นระบบ ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้ประกอบการรับจ้างขนส่งส่วนหนึ่งที่ไม่อยู่ในระบบ ชะลอการซื้อออกไปทำให้ยอดขายรถยนต์กลุ่มนี้ลดลง
ด้านกลุ่มรถยนต์เชิงพาณิชย์ จะได้รับผลดี จากการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้น ไปส่วนกลุ่มที่คาดว่าจะฟื้นตัวช้าที่สุด คือ รถกระบะและรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ขณะที่รถยนต์อีโคคาร์ คาดว่าปีนี้ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง แต่จะเริ่มดีขึ้นในปีหน้า ด้วยอานิสงส์จากภาษีใหม่ที่จะปรับลดลงซึ่งทำให้ราคาขายลดลงจากราคาเดิม 3%
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 24 มีนาคม 2558