Page 1 of 1

จับขายใบภาษีปลอมสร้างความเสียหายในรัฐ

Posted: 27 Mar 2015, 17:33
by brid.ladawan
จับขายใบภาษีปลอมสร้างความเสียหายในรัฐ

กรมสรรพากรจับมือตำรวจ แถลงผลจับกุมผู้ที่กระทำความผิด ผู้ขายใบกำกับภาษีปลอม 2 ราย สร้างความเสียหายต่อรัฐ ย้ำผู้ขายและผู้ซื้อใบกำกับภาษีปลอมไม่รอด

ที่กรมสรรพากร สำนักงานใหญ่ เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 27 มี.ค.58ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)และพล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รองผู้บัญชาการฯ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางได้แถลงผลการตรวจค้นและจับกุม เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ทีผ่านมา พบผู้ที่กระทำความผิด ที่เป็นกลุ่มผู้ขายใบกำกับภาษีปลอม2 ราย ได้แก่ กลุ่มปิ่นอนงค์ และกลุ่มนายชนะโดยพบของกลางเป็นใบกำกับภาษีและเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวกระทำความผิดด้วยการออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีการซื้อขายสินค้าจริงให้กับผู้ประกอบการรายอื่น ๆทั้งอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้างจำนวนมากถือเป็นการออกใบกำกับภาษีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย สร้างความเสียหายต่อรัฐอย่างมาก

นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า สำหรับกลุ่มผู้ขายใบกำกับภาษีปลอม2 ราย ประกอบด้วย กลุ่มปิ่นอนงค์ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิด 1 ราย คือ นางปิยะพร เวชพานิชและกำลังสอบสวนผู้เกี่ยวข้องอีกหลายคน ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม(ภ.พ. 30) เพื่อแสดงยอดขายบังหน้าให้ดูสมจริงเป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐกว่า1,000 ล้านบาท

ขณะที่ กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มนายชนะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิด1 ราย คือ นายชนะตั้งศิวิไลพร ที่ดำเนินการการยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ. 30)โดยแสดงยอดขายบังหน้าเพื่อให้ดูสมจริง เป็นมูลค่ากว่า 400 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายต่อรัฐกว่า100 ล้านบาท รวมทั้งยังพบใบกำกับภาษีเล่มเปล่าๆ ที่พร้อมออกขายหลายหมื่นฉบับ ซึ่งหากไม่ถูกตรวจค้นและจับกุมได้จะสร้างความเสียหายในการขายใบกำกับภาษีกว่า 1,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ กรมสรรพากรและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)จะขยายผลจากข้อมูลที่ยึดมาได้ทั้งที่เป็นเอกสารและข้อมูลในคอมพิวเตอร์ รวมทั้งจะติดตามจับกุมผู้กระทำผิดและขยายผลไปสู่ผู้ซื้อใบกำกับภาษีปลอมแล้วนำไปใช้ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งถือเป็นการทุจริต และร่วมกันทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ความผิดที่เกิดขึ้น แบ่งเป็น 2 กรณีทั้งผู้ออกใบกำกับภาษีโดนไม่มีสิทธิและผู้ที่นำไปใช้ มีโทษทางอาญาตามมาตรา 90/4(3)แห่งประมวลรัษฎากรมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี จำคุกสูงสุดไม่เกิน 20 ปีและปรับตั้งแต่ 2,000บาท ถึง 200,000 บาท และโทษทางแพ่งที่ต้องรับผิดเบี้ยปรับ2 เท่าของภาษีตามมาตรา 89 (6) และเงินเพิ่มตามมาตร 89/1

นายประสงค์ กล่าวว่า หลังจากนี้กรมสรรพากรจะตรวจสอบข้อมูลการเสียภาษีย้อนหลัง ทั้งผู้ประกอบอสังหาริมทรัพย์และรับเหมาก่อสร้าง ประมาณ 100 ราย ที่นำใบกำกับภาษีปลอมไปใช้ซึ่งสร้างความเสียหายต่อรัฐอย่างมาก โดย 10 ปี ที่ผ่านมา กรมฯได้ส่งให้ข้อมูลในส่วนผู้ที่นำใบกำกับภาษีปลอมไปใช้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีแล้วกว่า 1,000ราย ซึ่งบางส่วนก็ถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว

“การออกใบกำกับภาษีปลอม และผู้ที่นำไปใช้ สร้างความเสียหายต่อรัฐจำนวนมากซึ่งขณะนี้ ระบบในการตรวจสอบของกรมสรรพากรมีความรัดกุมมากขึ้นซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทั้งหมด โดยผู้ที่กระทำความผิดอย่าคิดว่ากรมฯไม่รู้เพราะความลับไม่มีในโลก ที่สำคัญจะใช้มือเดียวบังฟ้าคงไม่มิด”

พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า การออกใบกำกับภาษีปลอมและผู้ที่นำไปใช้ สร้างความเสียหายและทำร้ายเศรษฐกิจของประเทศโดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่นำไปใช้ ถือเป้นการจงใจที่ไม่สะท้อนต้นทุน ซึ่งเกิดการโกงในธุรกิจดังกล่าวโดยยืนยันเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างจริงจัง ทั้งผู้ขายและผู้ซื้อใบกำกับภาษีปลอมไม่มีทางรอดอย่างแน่นอน โดยขอให้เลิกกระทำผิด เพราะไม่มีทางรอดเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว



ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 27 มีนาคม 2558