Page 1 of 1

10 สิ่งควรบริโภคเพื่อสุขภาพ

Posted: 28 Mar 2015, 09:59
by brid.ladawan
10 สิ่งควรบริโภคเพื่อสุขภาพ

"ฟาสต์ฟู้ด" หรือ "อาหารขยะ" ที่ส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของไขมัน นม เนย และเนื้อสัตว์เข้ามาอีก ทำให้ผู้ที่รับประทานสิ่งต่างๆ เหล่านี้เข้าไปจำนวนมาก มีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอ

สภาพสังคมไทยเรานั้น ปัจจุบันเริ่มกลายเป็นสังคมเมืองมากขึ้น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องแข่งขันกับเวลา ท่ามกลางวิถีชีวิตที่เร่งรีบทำให้หลายๆ ท่านไม่มีเวลาใส่ใจและให้ความสำคัญกับอาหารการกินมากนัก ยิ่งอิทธิพลการบริโภคอาหารจากชาวตะวันตก ซึ่งนิยม "ฟาสต์ฟู้ด" หรือ "อาหารขยะ" ที่ส่วนใหญ่จะมีส่วนประกอบของไขมัน นม เนย และเนื้อสัตว์เข้ามาอีก ทำให้ผู้ที่รับประทานสิ่งต่างๆ เหล่านี้เข้าไปจำนวนมาก มีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอ และยังมีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆมากมาย อาทิ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอัมพาต ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เราสามารถหลีกเลี่ยงโรคภัยไข้เจ็บได้จากการเลือกรับประทานอาหาร ดังนั้นวันนี้ “เดลินิวส์ออนไลน์” มีเกร็ดเล็กๆ ในการเลือกกินเพื่อสุขภาพ 10 อย่าง มาฝากคนรักสุขภาพกัน

1.ไข่ไก่

เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมากๆ แถมยังราคาถูกอีกด้วย คุณๆ รู้ไหมว่า “ไข่ไก่” เป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้ได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา ทั้งยังมีลูทีน (Lutein : สารสกัดจากธรรมชาติ อยู่ในกลุ่มสารที่มีสี ในตระกูลแคโรทีนอยด์ เป็นสารี่พบบริเวณตา) ที่จะป้องกันผิวจากการทำลายของแสงแดด อย่างไรก็ดี “ไข่ไก่” ก็มีคลอเรสเตอรอลในส่วนที่เป็นไข่แดงค่อนข้างสูง จึงต้องบริโภคแต่พอดี ซึ่งเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไปจนถึงกลุ่มวัยรุ่น ควรบริโภควันละ 1 ฟอง ส่วนคนวัยทำงานควรกินไข่ไก่ไม่เกิน 3-4 ฟองต่อสัปดาห์

2.บร็อคโคลี่

เดิมทีเป็นผักที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่แถบยุโรปตอนใต้ ทำให้บ้านเราหาซื้อรับประทานได้ยาก แต่ปัจจุบันนี้มีการนำมาเพราะปลูกในเมืองไทยอย่างแพร่หลาย ใน จ.เพชรบูรณ์ กาญจนบุรี รวมถึงในกรุงเทพมหานคร ทำให้ความนิยมกิน เริ่มมีมากขึ้น เพราะ “บล็อคโคลี่” เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีน (สารตั้งต้นของวิตามินเอ (โปรวิตาในเอ) มีบทบาทสำคัญในการรักษาสุขภาพและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง) สูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย

3.ถั่วเหลือง

พืชตระกูลถั่วนั้นมีมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดมีประโยชน์แตกต่างกันออกไป แต่ที่นิยมรับประทานกันมากก็คือ “ถั่วเหลือง” เพราะมีโปรตีน เลซิทิน และกรดแอมิโน รวมทั้งมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ไนอะซิน วิตามินบี 1 และบี 2 วิตามินเอและอี ซึ่งสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก ป้องกันการขาดแคลเซียมในกระดูก และบำรุงระบบประสาทในสมอง ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันโรคโลหิตจาง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง สารสกัดจากถั่วเหลืองอบแห้งมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส และต้านอนุมูลอิสระ

4.เนื้อปลา

ยุคสมัยนี้ หลายคนมองข้ามการทานเนื้อสัตว์ไป เพราะกลัวอ้วน แต่อาจจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ หลังจากที่ทราบคุณประโยชน์ของ “เนื้อปลา” เพราะโปรตีนจากเนื้อปลามีไขมันต่ำ ย่อยง่าย และมีสาอาหาร คือ กรดโอเมก้า 3 ซึ่งมีกรด DHA และกรด EPA โดย DHA จะช่วยบำรุงเซลล์สมอง เซลล์ประสาท และเรตินาในดวงตา ส่วนกรด EPA ช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอล และลดระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในร่างกาย จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้

5.ผลไม้ต่างๆ

เมืองไทยนั้นเป็นเมืองสวรรค์ของคนรักผลไม้ เพราะมีทั้งผลไม้เมืองร้อนและเมืองหนาว ผลไม้ของไทยมีทั้งรสเปรี้ยวและรสหวาน สามารถหารับประทานได้ตลอดปี ทั้งมีราคาไม่แพง ฉะนั้นการรับประทานผลไม้ของคนไทยจึงเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากในผลไม้มีกากใยอาหาร และวิตามิน เกลือแร่ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอยู่มากมาย อีกทั้งน้ำและกากใยในผลไม้ ยังช่วยในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย จึงช่วยลดน้ำหนักได้ และร่างกายจะใช้ประโยชน์จากผลไม้สูงสุด ต่อเมื่อคนนั้นต้องกินผลไม้อย่างถูกวิธี

6.น้ำเปล่า

ไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากมายสำหรับความจำเป็นและคุณประโยชน์ที่ทำให้เราต้อง “ดื่มน้ำ” เพราะ “น้ำ” ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิต ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างปกติ ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติและมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น รวมทั้งช่วยให้การขับถ่ายของเสียทำงานได้ดี ที่สำคัญยังช่วยให้ผิวชุ่มชื่น โดยน้ำที่เหมาะแก่การดื่ม คือ “น้ำเปล่า” ที่สะอาดหรือต้มสุก และควรดื่มน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนไม่เย็น เรียกว่าสาวคนใดอยากสุขภาพดีอย่าลืมดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว

7.ข้าวกล้อง

หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “ข้าวซ้อมมือ” คือเมล็ดข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสี หรือผ่านการขัดสีแค่บางส่วน ทำให้มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าข้าวสาร (ข้าวขาว) ทุกประเภท ข้าวกล้องกับข้าวสารมีปริมาณพลังงาน คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนใกล้เคียงกัน แต่ต่างกันที่กระบวนการผลิต และคุณสมบัติทางโภชนาการอื่น เมื่อเปลือกของเมล็ดข้าวเปลือกถูกกะเทาะออกจะได้ข้าวกล้อง ถ้าต้องการได้ข้าวสาร ผิวของเมล็ดข้าวอีกชั้นหนึ่งคือเยื่อหุ้มเมล็ดและจมูกข้าวจะถูกขัดสีออกไป ซึ่งทำให้วิตามินและสารอาหารอื่น ๆ ลดลงเช่น วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี6 ธาตุเหล็ก และแมกนีเซียม แต่ข้าวกล้องนั้นมีระยะในการเก็บรักษาน้อย เพราะเกิดความชื้นง่ายจึงทำให้เกิดเชื้อรา

8.นม

การดื่มนม ช่วยเสริมสร้างแคลเซียม ป้องกันโรคกระดูกพรุน “นม” จะประกอบไปด้วยสารอาหารหลักที่จำเป็นสำหรับเด็กหรือสัตว์เกิดใหม่ ซึ่งสามารถนำไปสร้างผลิตภัณฑ์อื่นได้แก่ ครีม เนย โยเกิร์ต ไอศกรีม ชีส นอกจากนี้ยังหมายถึงเครื่องดื่มอื่นที่นำมาใช้ทดแทนนม เช่น นมถั่วเหลือง นมข้าว นมข้าวโพด นมแอลมอนด์ สำหรับการดื่มนมที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับช่วงของวัยด้วย โดยเด็กที่มีอายุ 1-12 ปี ควรดื่มไม่น้อยกว่าวันละ 3 แก้ว ขณะที่วัยรุ่นหนุ่มสาว อายุระหว่าง 13-25 ปี ควรดื่มวันละไม่น้อยกว่า 4 แก้ว ส่วนผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ควรดื่มไม่น้อยกว่าวันละ 2 แก้ว

9.โยเกิร์ต

เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นมสด นมพร่องมันเนย หรือ นมถั่วเหลือง โดยการใช้แบคทีเรีย แลคโตบาซิลัส เอซิโดซิส และ สเตรปโตคอคคัส เทอร์โมฟิลลัส เป็นหลักใส่ลงไปหมักผลิตภัณฑ์นมต่างๆ แบคทีเรียเหล่านี้ช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมให้เป็นกรดแลคติค ทำให้มีภาวะกรดและมีรสเปรี้ยว สำหรับประโยชน์ของ “โยเกิร์ต” นั้นมีมากมาย แต่ที่เห็นได้ชัดคือช่วยในเรื่องของการขับถ่าย ทำให้ลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ นอกจากนี้ยังมีทั้งโปรตีนและแคลเซียมที่สูง จึงช่วยให้เด็กเจริญเติบโตได้ดี ขณะที่ผลการศึกษายังพบว่า สามารถลดปริมาณคลอเรสเตอรอลได้อีกด้วย

10.ธัญพืช

เป็นเมล็ดพันธุ์ของพืชตระกูลเดียวกับหญ้าหรือข้าว ตัวอย่างของธัญพืชก็เช่น ลูกเดือย ข้าวฟ่าง ข้าว ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรน์ ข้าวโอ๊ต และข้าวโพด การบริโภคธัญพืชนั้นมีกันมาแต่โบราณ แต่การปฏิวัติระบบเกษตรกรรม ทำให้เมล็ดธัญพืชหารับประทานได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันคนได้กลับมาให้ความสนใจกับการกินธัญพืชมากขึ้น โดยการนำมาผสมในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม เช่น นม เพราะธัญพืชประกอบด้วยสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่างๆมากมาย ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ธาติเหล็ก วิตามินต่างๆ ฯลฯ รวมทั้งยังมีเส้นใยอาหาร

เห็นคุณประโยชน์เหล่านี้แล้ว ก็ต้องหันมามองย้อนดูตัวเราว่า การมีสุขภาพดี และปลอดภัยไร้โรค เป็นสิ่งที่หลายๆ คนปรารถนาไม่ใช่หรือ???

คำกล่าวที่ว่า "การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ์" จึงเป็นวลีที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ดังนั้นสิ่งสำคัญ ก็คือการดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ควรเริ่มเสียแต่วันนี้...ว่า “เรา” จะเลือกบริโภคอะไรบ้างในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ร่างกายเรามีสุขภาพที่ดี

….....................................

จีรานุช ฤทธิสนธิ์



ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 28 มีนาคม 2558