Page 1 of 1

"BLS" ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ชี้ GDP ปีนี้โตแค่ 3.7%(ช

Posted: 31 Mar 2015, 15:04
by brid.ladawan
"BLS" ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ชี้ GDP ปีนี้โตแค่ 3.7%(ชมคลิป)

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
BLS ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ชี้ GDP ปีนี้โตแค่ 3.7%(ชมคลิป)
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS


หลักทรัพย์ บัวหลวง ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ปี เพิ่มขึ้น 0.2% จากปัจจุบันที่ 4.96% ปรับเป้า SET INDEX ปีนี้แตะ 1,670 จุด จากตัวเลข GDP ที่ไม่โตตามคาดเหลือเพียง 3.7% วอลุ่มซื้อขายหดเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าแผนธุรกิจปีนี้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ในตลาดให้มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งในส่วนของ หุ้น และ ตราสารอนุพันธ์ ตลอดจนถึงใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants หรือ DW ) เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน โดยเฉพาะในส่วนของ DW ที่ออกโดยบริษัทฯได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 40% ของ DW ที่มีอยู่ทั้งหมด

"บริษัทจะมุ่งเน้นด้านการพัฒนาตลาดทุนให้มีผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของนักลงทุนที่มีความหลากหลายให้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังจะได้มีการเพิ่มรอบการอบรมสัมนาเพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุนตลอดทั้งปีและการพัฒนาเครื่องมือทางการลงทุนทั้งบทวิเคราะห์ และแอพพลิเคชั่นเพื่อการลงทุนบนสมาร์ทโฟนทุกระบบ เพื่้อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา"

ขณะเดียวกันภาพรวมของการลงทุนในปีนี้คาดว่าจะยังอยู่ในช่วงของความผันผวนจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1.ปัจจัยจากต่างประเทศทั้งในส่วนของการเตรียมประกาศยกเลิกมาตรการ QE ของสหรัฐอเมริกา สถานการณ์เศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน และตะวันออกกลาง 2.ปัจจัยภายในประเทศยังคงมาจากปัญหาเศรษฐกิจที่คาดว่าจะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้เต็มที่นัก เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองแม้ว่าจะสงบลงอยู่ในระดับเกือบปกติแล้วแต่ยังอยู่ในรัฐบาลรักษาการชั่วคราว ภายใต้กฏอัยการศึก โดยบริษัทฯประเมินว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ในปีนี้จะอยู่ที่ 3.7% เท่านั้น

อย่างไรก็ตามบริษัทประเมินเป้าดัชนี SET INDEX ในปีคาดว่าจะอยู่ที่ 1,670 จุด จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น โดยมีวอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2557 ซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 45,000 ล้านบาท และ ลดลงจากปี 2556 ที่มีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ 50,000 ล้านบาท ทั้งนี้นักลงทุนควรพิจารณาเลือกลงทุนในหุ้นที่มีรายได้จากการดำเนินกิจการเป็นที่แน่นอน เช่นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มสื่อสาร และหุ้นกลุ่มประกันชีวิตเป็นต้น ซึ่งมีแนวโน้มการให้ผลตอบแทนสูงตามการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทจดทะเบียนไว้ไม่ต่ำกว่า 15%

ขณะที่ในส่วนของส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯในปัจจุบันอยู่ที่ 4.69% ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการเติบโตของนักลงทุนรายใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น โดยจะมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจโบรกเกอร์ 60% Derivative Warrants 20% และวาณิชธนกิจ 10% ส่วนธุรกิจอื่นๆอีก 10% ขณะที่ในส่วนของค่าคอมมิชชั่นของบริษัทซึ่งอยู่ที่ 1.6% มากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ 1.4% โดยบริษัทฯมองถึงผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับซึ่งมากกว่าการที่จะปรับลดค่าคอมมิชชั่นลงมาเพื่อแข่งขันกับโบรกเกอร์ที่จะเปิดใหม่ 2-3 รายในปีนี้


ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 31 มีนาคม 2558