วิจัยการผุกร่อนของบ้านด้วยแสงซินโครตรอน
Posted: 02 Apr 2015, 10:07
วิจัยการผุกร่อนของบ้านด้วยแสงซินโครตรอน
เมื่อปูนหรือคอนกรีตสัมผัสกับสารประกอบซัลเฟตจะเกิดปัญหาการผุกร่อน พองตัว แตกร้าว และทำให้โครงสร้างไม่สามารถใช้งานตามที่ออกแบบไว้ได้ในที่สุด
ปัญหาการผุกร่อนของผนังบ้าน แม้ว่าจะดูว่าเป็นปัญหาที่ไม่หนักหนาอะไร แต่หากเจ้าของบ้านละเลย ปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ก็อาจส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างของบ้านในอนาคตได้
“ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์” นักวิทยาศาสตร์ระบบลำเลียงแสง สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เจ้าของผลงานวิจัย “แสงซินโครตรอน กับปัญหาการผุกร่อนผนังบ้าน” บอกถึงที่มาของงานวิจัยนี้ว่า มาจากการสังเกตผนังบ้านของตนเองที่สร้างมาประมาณ 2-3 ปี ผนังปูนบางส่วนมีการสึกกร่อน จึงได้นำปูนบริเวณที่เกิดปัญหามาวิเคราะห์ ด้วยแสงซินโครตรอน
โดยใช้เทคนิคการปลดปล่อยอิเล็กตรอนด้วยรังสีเอกซ์ (x-ray photoemission spectroscopy) และเทคนิคการดูดกลืนรังสีเอกซ์ (x-ray absorption spectroscopy) เพื่อดูว่าปูนบริเวณที่เกิดปัญหาประกอบไปด้วยธาตุชนิดไหนบ้างและเป็นสารประกอบประเภทใด
จากผลการวิเคราะห์พบว่า ปูนบริเวณที่เกิดการผุกร่อนนั้น มีส่วนผสมของกำมะถัน (S) ซึ่งอยู่ในรูปของสารประกอบซัลเฟต (SO42-) อยู่สูงเมื่อปูนหรือคอนกรีตสัมผัสกับสารประกอบซัลเฟตจะเกิดปัญหาการผุกร่อน พองตัว แตกร้าว และทำให้โครงสร้างไม่สามารถใช้งานตามที่ออกแบบไว้ได้ในที่สุด
ซึ่งจากการวิเคราะห์พบต่อไปอีกว่า ซัลเฟตที่พบนั้นน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนสภาพของแร่ไพไรต์ (FeS2) ซึ่งสามารถพบได้ใน “ทราย” ที่มีอยู่ทั่วไป และนำไปใช้ในการผสมปูนเพื่อก่อสร้างบ้านนั่นเอง
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหา นักวิจัย แนะนำว่า เบื้องต้นหากพบว่าผนังบ้านเริ่มผุกร่อน ให้รีบสกัดปูนบริเวณที่มีซัลเฟตผสมอยู่ออก ซึ่งสังเกตได้อย่างง่ายคือ สีของปูนที่เกิดปัญหาจะมีสีเข้มกว่าปูนบริเวณที่ยังไม่เกิดปัญหา และจึงค่อยฉาบปูนใหม่ทับเข้าไป
ทั้งนี้หากไม่กำจัดปูนส่วนที่เป็นปัญหาออก แต่ทำการฉาบปูนทับเข้าไปเลยการผุกร่อนก็จะยังเกิดขึ้นและจะเกิดลึกลงไปเรื่อย ๆ
ส่วนงานวิจัยหลังจากนี้ จะมีการศึกษาหาแหล่งที่มาของทรายชนิดนี้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ใด เพื่อหลีกเลี่ยงการนำทรายชนิดนี้มาผสมกับปูนในการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการผุกร่อนของผนังปูนของบ้านได้ในอนาคต.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 2 เมษายน 2558
เมื่อปูนหรือคอนกรีตสัมผัสกับสารประกอบซัลเฟตจะเกิดปัญหาการผุกร่อน พองตัว แตกร้าว และทำให้โครงสร้างไม่สามารถใช้งานตามที่ออกแบบไว้ได้ในที่สุด
ปัญหาการผุกร่อนของผนังบ้าน แม้ว่าจะดูว่าเป็นปัญหาที่ไม่หนักหนาอะไร แต่หากเจ้าของบ้านละเลย ปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ก็อาจส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างของบ้านในอนาคตได้
“ดร.ยิ่งยศ ภู่อาภรณ์” นักวิทยาศาสตร์ระบบลำเลียงแสง สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เจ้าของผลงานวิจัย “แสงซินโครตรอน กับปัญหาการผุกร่อนผนังบ้าน” บอกถึงที่มาของงานวิจัยนี้ว่า มาจากการสังเกตผนังบ้านของตนเองที่สร้างมาประมาณ 2-3 ปี ผนังปูนบางส่วนมีการสึกกร่อน จึงได้นำปูนบริเวณที่เกิดปัญหามาวิเคราะห์ ด้วยแสงซินโครตรอน
โดยใช้เทคนิคการปลดปล่อยอิเล็กตรอนด้วยรังสีเอกซ์ (x-ray photoemission spectroscopy) และเทคนิคการดูดกลืนรังสีเอกซ์ (x-ray absorption spectroscopy) เพื่อดูว่าปูนบริเวณที่เกิดปัญหาประกอบไปด้วยธาตุชนิดไหนบ้างและเป็นสารประกอบประเภทใด
จากผลการวิเคราะห์พบว่า ปูนบริเวณที่เกิดการผุกร่อนนั้น มีส่วนผสมของกำมะถัน (S) ซึ่งอยู่ในรูปของสารประกอบซัลเฟต (SO42-) อยู่สูงเมื่อปูนหรือคอนกรีตสัมผัสกับสารประกอบซัลเฟตจะเกิดปัญหาการผุกร่อน พองตัว แตกร้าว และทำให้โครงสร้างไม่สามารถใช้งานตามที่ออกแบบไว้ได้ในที่สุด
ซึ่งจากการวิเคราะห์พบต่อไปอีกว่า ซัลเฟตที่พบนั้นน่าจะเกิดจากการเปลี่ยนสภาพของแร่ไพไรต์ (FeS2) ซึ่งสามารถพบได้ใน “ทราย” ที่มีอยู่ทั่วไป และนำไปใช้ในการผสมปูนเพื่อก่อสร้างบ้านนั่นเอง
สำหรับแนวทางการแก้ปัญหา นักวิจัย แนะนำว่า เบื้องต้นหากพบว่าผนังบ้านเริ่มผุกร่อน ให้รีบสกัดปูนบริเวณที่มีซัลเฟตผสมอยู่ออก ซึ่งสังเกตได้อย่างง่ายคือ สีของปูนที่เกิดปัญหาจะมีสีเข้มกว่าปูนบริเวณที่ยังไม่เกิดปัญหา และจึงค่อยฉาบปูนใหม่ทับเข้าไป
ทั้งนี้หากไม่กำจัดปูนส่วนที่เป็นปัญหาออก แต่ทำการฉาบปูนทับเข้าไปเลยการผุกร่อนก็จะยังเกิดขึ้นและจะเกิดลึกลงไปเรื่อย ๆ
ส่วนงานวิจัยหลังจากนี้ จะมีการศึกษาหาแหล่งที่มาของทรายชนิดนี้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากที่ใด เพื่อหลีกเลี่ยงการนำทรายชนิดนี้มาผสมกับปูนในการก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการผุกร่อนของผนังปูนของบ้านได้ในอนาคต.
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 2 เมษายน 2558