Page 1 of 1

กรุงไทยลุยปล่อยกู้โซลารูฟ

Posted: 02 Apr 2015, 10:20
by brid.ladawan
กรุงไทยลุยปล่อยกู้โซลารูฟ

กรุงไทยจับมือเอสพีซีจีปล่อยกู้โซลารูฟ เล็งผลตอบรับดีใช้บ้านเป็นหลักค้ำประกันเงินกู้

น.ส.จิรารักษ์ กุลสิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ฝ่ายทีมผลิตภัณฑ์สินเชื่อบุคคล ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารพร้อมปล่อยสินเชื่อบุคคลให้กับลูกค้าของบริษัท เอสพีซีจี จำกัดที่ต้องการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหรือโซลารูฟ ซึ่งเบื้องต้นจะปล่อยสินเชื่อ 300 รายวงเงินกู้ประมาณ 100 ล้านบาทแต่ถ้าลูกค้ายื่นขอสินเชื่อมากกว่านี้ธนาคารพร้อมพิจารณาให้สินเชื่อโดยไม่จำกัดวงเงิน เพราะตามแผนของบริษัทฯตั้งเป้าติดตั้งโซลารูฟให้ได้ 1,000 หลังคาเรือน และถ้าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีธนาคารจะปล่อยกู้ให้กับลูกค้าทั่วไปที่มีสัญญาซื้อขายไฟกับการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) โดยใช้ที่อยู่อาศัยเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอกู้



ทั้งนี้ไม่กังวลเรื่องของปัญหาความเสี่ยงและหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลเนื่องจากลูกค้าที่ขอสินเชื่อนั้นจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อเดือนและมีสถานะเป็นเจ้าของบ้านและที่อยู่อาศัย รวมทั้งผ่านการอนุมัติจากกฟน.และกฟภ.ให้เป็นผู้ขายไฟฟ้า ขณะเดียวกันจะต้องไม่มีประวัติหนี้เสียเพราะการปล่อยกู้ในแต่ละครั้งจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโรให้กับลูกค้าถ้าพบว่ามีหนี้สินมากเกินไปก็จะไม่พิจารณาให้สินเชื่อ



น.ส. วันดี กุญชรยาคงประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด กล่าวว่า การร่วมมือกันครั้งนี้ เพื่อสนองนโยบายรัฐที่ประกาศรับซื้อพลังานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคาประเภทที่อยู่อาศัยไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ ซึ่ง กฟน.และกฟภ.จะรับซื้อไฟฟ้าจากลูกค้าอัตรา6.85 บาทต่อหน่วย ระยะเวลา 25 ปี ซึ่งในช่วงแรกลูกค้าที่สนใจจ่ายเงินดาวน์เพียง 30% และผ่อนเพียง 8ปีคิดดอกเบี้ย 8.88% โดยนำรายได้จากการขายไฟฟ้ารายเดือนจ่ายชำระค่าอุปกรณ์ให้กับธนาคารกรุงไทย และลูกค้าที่ร่วมโครงการต้องยื่นแบบคำขอขายไฟฟ้าไม่เกินวันที่30 มิ.ย.นี้ ส่วนการปรับระบบสายป้อนแรงส่งไฟจากที่อยู่อาศัยมาให้กับกฟภ.และกฟน.เชื่อว่าไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนลงทุนผลิตไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์คาดว่าจะชัดเจนในไตรมาส 2 ขณะที่ในเมียนมาร์จะลงทุนโซล่าฟาร์มขนาดเล็กแต่ติดปัญหาเรื่องการวางสายส่ง และเชื่อว่ายังมีอนาคตลงทุนธุรกิจไฟฟ้าเพราะมีประชากร60 ล้านคน แต่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งประเทศเพียง 2,500 เมกกะวัตต์ ถ้าเทียบกับไทยที่มีกำลังการผลิตถึง33,000 เมกกะวัตต์ และบริษัทมีกระแสเงินสด 3,000 ล้านบาทจะพิจารณาเลือกลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ามากสุด


ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 1 เมษายน 2558