หม่อมอุ๋ยดึงท่องเที่ยวแทนส่งออกวูบ
Posted: 04 Apr 2015, 10:26
หม่อมอุ๋ยดึงท่องเที่ยวแทนส่งออกวูบ
หม่อมอุ๋ยแจงยกเลิกกฏอัยการศึก สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น ช่วยทดแทนการส่งออกที่ปรับตัวลดลง
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลประกาศยกเลิกกฏอัยการศึกและมาใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น เพราะช่วงที่ผ่านมาการใช้กฏอัยการศึกทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปและสหรัฐอเมริกาเดินทางมาไทยลดลง ขณะที่บริษัทประกันจะรับประกันภัยด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น และเห็นว่าการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นจะช่วยทดแทนการส่งออกที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 57 และปีนี้คาดว่าส่งออกจะไม่ขยายตัวหรือเติบโต 0% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศยังมีปัญหาชะลอตัว
นอกจากนี้ตัวเลขการส่งออกในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาติดลบ 3% เดือนก.พ.ติดลบ 6% ซึ่งหากเดือนมี.ค.ติดลบอีกจะทำให้ไตรมาส 1 ส่งออกติดลบ 3% และกระทบจีดีพีลดลง 1.6% และเห็นว่ารัฐบาลต้องเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ประชาชนกังวลใจต่อภาวะเศรษฐกิจเพราะรัฐบาลเน้นการวางรากฐานให้เศรษฐกิจแข็งแกร่ง เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้เกิน 5% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
“การท่องเที่ยว การเบิกจ่ายภาครัฐจะช่วยให้จีดีพีเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าตัวเลขส่งออกจะไม่เติบโต โดยส่งออกที่ตกไม่ได้เกิดจากการเมืองแต่เป็นเพราะความต้องการในตลาดโลกลดลง และสินค้าไทยไม่สามารถที่จะแข่งขันกับประเทศอื่นได้จึงจำเป็นต้องปรับตัวด้วยการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การบริโภคในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนกรณีที่คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เสนอให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศจากวันละ 300 บาท เป็นวันละ 360 บาท เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้นนั้น คงไม่ได้ เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการต้องรับภาระหนัก และช่วงนี้ส่งออกไม่ได้หากขึ้นไปจะกระทบต้นทุนผู้ประกอบการและระบบเศรษฐกิจ”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 3 เมษายน 2558
หม่อมอุ๋ยแจงยกเลิกกฏอัยการศึก สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น ช่วยทดแทนการส่งออกที่ปรับตัวลดลง
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลประกาศยกเลิกกฏอัยการศึกและมาใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยเพิ่มขึ้น เพราะช่วงที่ผ่านมาการใช้กฏอัยการศึกทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปและสหรัฐอเมริกาเดินทางมาไทยลดลง ขณะที่บริษัทประกันจะรับประกันภัยด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น และเห็นว่าการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นจะช่วยทดแทนการส่งออกที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 57 และปีนี้คาดว่าส่งออกจะไม่ขยายตัวหรือเติบโต 0% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในต่างประเทศยังมีปัญหาชะลอตัว
นอกจากนี้ตัวเลขการส่งออกในเดือนม.ค.ที่ผ่านมาติดลบ 3% เดือนก.พ.ติดลบ 6% ซึ่งหากเดือนมี.ค.ติดลบอีกจะทำให้ไตรมาส 1 ส่งออกติดลบ 3% และกระทบจีดีพีลดลง 1.6% และเห็นว่ารัฐบาลต้องเร่งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เพื่อให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ประชาชนกังวลใจต่อภาวะเศรษฐกิจเพราะรัฐบาลเน้นการวางรากฐานให้เศรษฐกิจแข็งแกร่ง เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้เกิน 5% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
“การท่องเที่ยว การเบิกจ่ายภาครัฐจะช่วยให้จีดีพีเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าตัวเลขส่งออกจะไม่เติบโต โดยส่งออกที่ตกไม่ได้เกิดจากการเมืองแต่เป็นเพราะความต้องการในตลาดโลกลดลง และสินค้าไทยไม่สามารถที่จะแข่งขันกับประเทศอื่นได้จึงจำเป็นต้องปรับตัวด้วยการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ขณะที่การบริโภคในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนกรณีที่คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) เสนอให้ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศจากวันละ 300 บาท เป็นวันละ 360 บาท เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้นนั้น คงไม่ได้ เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการต้องรับภาระหนัก และช่วงนี้ส่งออกไม่ได้หากขึ้นไปจะกระทบต้นทุนผู้ประกอบการและระบบเศรษฐกิจ”
ที่มา เดลินิวส์
วันที่ 3 เมษายน 2558