องค์กรที่คนเก่งรุ่นใหม่อยากอยู่นาน

Post Reply
brid.ladawan
Posts: 7045
Joined: 29 Mar 2013, 13:36

องค์กรที่คนเก่งรุ่นใหม่อยากอยู่นาน

Post by brid.ladawan »

ladawan
Hero Member
*****
Posts: 824


View Profile Email


องค์กรที่คนเก่งรุ่นใหม่อยากอยู่นาน
« on: July 04, 2012, 01:56:43 pm »

องค์กรที่คนเก่งรุ่นใหม่อยากอยู่นาน

บทความโดย : อาจารย์ณรงค์วิทย์ แสนทอง
วันที่โพสต์บทความ : 04 กรกฏาคม 2555

ในช่วงหนึ่งปัญหาใหญ่ขององค์กรต่างๆคือ “หาคนเก่งยาก” จึงทำให้เกิดธุรกิจนายหน้าสรรหาคลากร
หรือที่เรียกกันว่า Head hunter หรือ Recruitment agency เยอะแยะมากมาย ซึ่งก็พอช่วยทำให้ปัญหาการหา
คนเก่งลดลงไปได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ความทันสมัยของเทคโนโลยีอินเตอร์ที่ทำให้คนทำงานเข้าถึงองค์กร
และองค์กรเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการทำได้ง่ายขึ้น ปัญหาการหาคนเก่งให้เจอจึงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
แต่ในปัจจุบันและอนาคตปัญหาที่ใหญ่กว่าและยากกว่าการหาคนเก่งๆมาร่วมงานคือ “การรักษาคน
เก่งให้อยู่กับองค์กรนานๆ” เพราะคนรุ่นใหม่เกิดมาพร้อมกับความสะดวกสบายทำให้คนรุ่นใหม่ลักษณะ
แตกต่างจากคนรุ่นก่อนๆหลายอย่างเช่น
• ชอบเรียนรู้ด้วยตัวเองมากกว่าการให้คนอื่นสอน เพราะเด็กรุ่นใหม่ไม่เคยถามพ่อแม่ว่าเล่นเกมส์อย่างไร
แต่เขาจะใช้วิธีเรียนรู้ด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก
• อยากประสบความสำเร็จเร็วกว่ามากกว่าคนรุ่นก่อนและคนรุ่นเดียวกัน เพราะมีคนรุ่นใหม่ๆที่ประสบ
ความสำเร็จทั้งๆที่อายุยังน้อยเป็นไอดอลหรือเป็นโมเดลออกมากระตุ้นอยู่ตลอดเวลา
• อยากทำงานสบายแต่ได้เงินดีมีชื่อเสียง จะเห็นได้จากการประกวดร้องเพลง การแสดงที่คนชนะมักจะ
ได้รับเงินรางวัลมากมายเมื่อเทียบกับวัยวุฒิและคุณวุฒิในขณะนั้น
• อยากเกษียณจากการเป็นลูกจ้างเร็วๆ เพราะต้องการอิสรภาพทางการเงินและการงาน อีกทั้งยังมีธุรกิจ
บางประเภทกระตุ้น(หลอกล่อ)ให้คนทำงานกินเงินเดือนอยากออกไปทำอาชีพอิสระ
• ไม่ชอบอะไรที่จำเจซ้ำซาก เพราะเขาเกิดมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การทำอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ
เขารู้สึกว่าไม่พัฒนาไม่ก้าวหน้า ไม่ทันคนอื่น ดูได้จากการที่เด็กรุ่นใหม่ชอบเปลี่ยนมือถือ คอมพิวเตอร์
ทั้งๆที่รุ่นเดิมก็ยังใช้ได้อยู่
• ชอบสังคมออนไลน์มากกว่าสังคมแบบดั้งเดิม เนื่องจากสังคมออนไลน์จะปิดจะเปิดเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจ
ชอบ จะแสดงตัวตนจริงหรือตัวตนปลอมก็ได้ จะติดต่อกับสังคมไหนก็ได้ทั่วโลก ติดต่อได้มากกว่าหนึ่ง
สังคม
• ชอบให้เทคโนโลยี คนอื่น หรือเงินทำงานแทนการทำงานหาเงิน ทัศนคตินี้กำลังมาแรงเพราะเด็กรุ่นใหม่
เคยชินกับการทำอะไรในช่วงแรกๆแล้วให้ความสำเร็จนั้นทำงานต่อให้
• ชอบทำอะไรหลายอย่างในเวลาเดียวกัน เพราะเขารู้สึกว่าการใช้เวลากับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่า
จะเห็นว่าไม่มีเด็กรุ่นใหม่คนไหนเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เพียงหน้าจอเดียวหรือเพจเดียว จะเปิดเวบ เปิด
MSN เปิด Facebook เปิดหน้าจอทำงาน เปิดมือถือ เปิด BB ในเวลาเดียวกัน
ทั้งหมดนี้เพียงตัวอย่างที่จะช่วยให้องค์กรรู้จัก รู้ทันและเข้าใจคนรุ่นใหม่ให้มากยิ่งขึ้น เพราะผู้บริหารและ
องค์กรส่วนใหญ่ยังเป็นช่วงเชื่อมต่อระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ หากผู้บริหารหรือองค์กรใดยังคงเป็นแบบ
อนุรักษ์นิยมไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ไม่ค่อยเข้าใจ ไม่พร้อมปรับตัวให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ องค์กรนั้นๆ อาจจะต้องถูก
ทอดทิ้งให้อยู่กับอดีตอย่างแน่นอน
จากการที่ได้เข้าไปสัมผัสกับองค์กรต่างๆ เรื่องแนวทางหรือกลยุทธ์การรักษาคนเก่งให้อยู่กับองค์กรนาน ๆ
พบว่าผู้บริหารส่วนใหญ่ยังไม่หลุดกรอบของความคิดแบบเดิมๆ เช่น
• คิดว่าถ้าเพิ่มเงินเดือนผลตอบแทน สวัสดิการจะช่วยให้สามารถรักษาคนเก่งให้อยู่นานได้
• ถ้าทำให้เขาเติบโตเร็วจะช่วยให้เขาอยู่กับองค์กรนานขึ้น
• ถ้าให้เขาทำงานที่ชอบเขาน่าจะอยู่ได้นานกว่า
• ถ้ามีสวัสดิการที่ครอบคลุมถึงครอบครัวน่าจะทำให้เขาอยู่กับเรานาน
• ฯลฯ
ซึ่งผลที่ได้มักจะสวนทางกันคือ “ยิ่งให้ยิ่งเสีย” เช่น ยิ่งเพิ่มสวัสดิการยิ่งสร้างดีมานด์ไม่รู้จบยิ่งเพิ่มเงินเดือน
ยิ่งโปรโมทเร็วยิ่งทำให้เขาไปจากเราเร็วขึ้นกว่าเดิม สุดท้ายการรักษาคนเก่งรุ่นใหม่ด้วยกลยุทธ์ที่เกิดจากกรอบ
แนวคิดของคนรุ่นเก่ายังไงก็ไม่ได้ผลอย่างแน่นอน ไม่ใช่ว่ากลยุทธ์ไม่ดี แต่เป็นเพราะแนวคิดในการบริหารคนรุ่น
ใหม่ไม่เหมาะสมนั่นเอง� เหมือนกับคนที่กำลังหิวน้ำมา แต่เรากลับเอาทองคำไปให้เขาแม้จะให้มากเพียงใดก็ยัง
ไม่ตรงกับใจที่เขาต้องการอยู่ดี
ในเมื่อองค์กรไม่สามารถหยุดกระแสการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ ความคิด และแนวทางการดำเนินชีวิตของ
คนรุ่นใหม่ได้ สิ่งสำคัญคือองค์กรต้องปรับตัวให้เป็นองค์กรที่คนรุ่นใหม่ต้องการเข้ามาร่วมงานและทำงานกับ
องค์กรนานกว่า คนรุ่นใหม่ต้องการทำงานกับองค์กรที่มีลักษณะดังต่อไปนี้
• Job menu
คนรุ่นใหม่อยากเลือกทำเฉพาะงานที่ตัวเองชอบ คนรุ่นใหม่ไม่มีความอดทนทำกับงานที่ไม่ชอบ และไม่ชอบ
ให้ใครบังคับเลือก ดังนั้น องค์กรควรจะกำหนดเมนูของงาน(Job menu) ให้คนทำงานสามารถเลือกทำเฉพาะ
สิ่งที่ตัวเองชอบ ถนัดและอยากทำเท่านั้น เหมือนการเข้าไปร้านอาหารที่มีเมนูให้ลูกค้าเลือกเฉพาะสิ่งที่ตัวเอง
ชอบเท่านั้น และในแต่ละปีอาจจะให้คนทำงานเลือกใหม่ได้ว่าปีหน้าอยากจะทำงานในเมนูไหน ปัญหาที่
องค์กรจะต้องทำระบบขึ้นมารองรับคือ จะบริหารจัดการอย่างไรกับเมนูงานที่คนเลือกทำน้อย จะทำอย่างไร
กับเมนูงานที่คนเลือกทำเยอะ ถ้าจะให้ดีกว่านี้คือ ทำเหมือนร้านอาหารตามสั่ง ที่คนทำงานสามารถสั่ง
นอกเหนือจากเมนูที่กำหนดไว้ได้
• Self-employed
คนรุ่นใหม่อยากเลือกเงื่อนไขการจ้างด้วยตัวเอง เพราะคนรุ่นใหม่มีความหลากหลายของตัวตนมากกว่า
คนรุ่นเก่า จะใช้เงื่อนไขการจ้างแบบเดียวกันคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น คนรุ่นใหม่อยากจะกำหนดเงื่อนไข
การจ้างด้วยตัวเอง เช่น จ้างในบางเวลา(Part-time) จ้างเป็นรายเดือน จ้างเป็นวันๆ จ้างเป็นสัปดาห์
จ้างวันเว้นวัน จ้างเป็นพนักงานประจำ จ้างเป็นรายชิ้นงาน จ้างเป็นผู้บริหารโครงการ และคนรุ่นใหม่
อยากจะเป็นผู้กำหนดวัน เวลา สถานที่ในการทำงานได้ด้วยตัวเอง เพราะงานบางงานทำอยู่ที่ไหน
ในโลกนี้ก็ได้ผลงานเหมือนกัน งานบางอย่างไม่ต้องเข้ามาทำงานก็ได้ งานบางอย่างไม่จำเป็นต้อง
ทำทุกวันก็ได้ งานบางอย่างไม่จำเป็นต้องมีการควบคุมในระหว่างทำงานก็ได้ งานบางอย่างสามารถ
ควบคุมแบบรีโมททางไกลได้ ปัญหาที่องค์กรต้องมีระบบมารองรับคือ ระบบการควบคุมเพื่อให้ได้ผลงาน
ครบถ้วนตามที่ต้องการภายในระยะเวลาที่กำหนด และการรองรับการบริหารจัดการที่มีเงื่อนไขการจ้าง
ที่หลากหลายเป็นรายบุคคล
• Self-Career Planning
คนรุ่นใหม่ต้องการวางแผนความก้าวหน้าในอาชีพด้วยตัวเอง ดังนั้น เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
(Career Path) แบบเดิมที่องค์กรมีต่อไปจะใช้ไม่ได้ผลเพราะคนต้องการเส้นทางที่หลากหลายกว่าที่
องค์กรจัดทำไว้ให้ องค์กรควรมอบหน้าที่นี้ให้คนทำงานรุ่นใหม่เป็นคนรับผิดชอบเองว่าเขาอยากจะ
เป็นอะไรเมื่อไหร่ เขาจะต้องพัฒนาตนเองเรื่องอะไรบ้าง อย่างไร ทำไมองค์กรควรจะโปรโมทเขา
เขาจะให้อะไรเพื่อเป็นการตอบแทนองค์กรให้เหมาะสมกับหน้าที่การงานที่สูงขึ้น เพราะฉะนั้นในแต่ละปี
คนทำงานต้องเป็นคนนำเสนอว่าต้องการก้าวหน้าในอาชีพอย่างไร เช่น ต้องการทำงานเพิ่มขึ้น
ต้องการับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น ต้องการทำงานที่สูงขึ้น ต้องการทำงานที่ยากขึ้น ฯลฯ เพื่อให้องค์กร
พิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ และหากคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทำธุรกิจส่วนตัว ต้องการทำงานอิสระ
เปิดโอกาสให้นำเสนอต่อองค์กรดูก่อนว่าสิ่งที่เขาต้องการนั้นองค์กรตอบสนองได้หรือไม่ เช่น
มีทางเลือกให้เปลี่ยนสถานะจากลูกจ้างเป็น Business partner เป็นผู้ถือหุ้น เป็นกรรมการบริหาร เป็นที่ปรึกษา
เป็นเอเย่นต์ เป็นผู้ขาย เป็นผู้รับเหมาช่วง เป็นลูกค้า ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความฝันในชีวิตของคนทำงาน
และป้องกันไม่ให้คนเก่งๆออกไปอยู่กับคู่แข่งหรือออกไปทำธุรกิจแข่งกับองค์กร และสุดท้ายคือช่วยป้องกัน
ให้คนเก่งมีความสามารถไปล้มเหลวจากการทำธุรกิจส่วนตัว หรือโดนหลอกออกไปทำธุรกิจที่ชอบโฆษณา
ว่าอิสระ รวยเร็ว ไม่ต้องทำงานเพราะมีระบบ มีทีมทำงานแทน
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างเพื่อกระตุ้นแนวคิดให้องค์กรต่างๆที่อยู่ระหว่างรอยต่อของคนรุ่นเก่า
คนรุ่นกลางและคนรุ่นใหม่ได้ตระหนักและเห็นว่าองค์กรในอนาคตที่เหมาะสมกับกระแสของคนรุ่นใหม่นั้น
น่าจะมีหน้าตาแบบไหน หากองค์กรไหนคิดว่ายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร หากองค์กรไหนคิดว่าต้องเปลี่ยน
แต่ไม่ใช่ตอนนี้ก็จะได้มีเวลาคิดมีเวลาเตรียมรับมือ หากองค์กรไหนคิดว่าตอนนี้กำลังประสบปัญหาใน
การบริหารคนรุ่นใหม่อยู่ก็อาจจะลองนำเอาแนวคิดนี้ไปประกอบการกำหนดกลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยน
องค์กรเลยก็ได้ ผมเชื่อว่าเราคงไปต้านหรือเปลี่ยนแปลงความเชื่อ แนวคิดและวิถีการดำเนินชีวิตของ
คนรุ่นใหม่ไม่ได้ มีทางเดียวคือการปรับองค์กรเพื่อให้เป็น “องค์กรที่คนรุ่นใหม่อยากจะร่วมงานด้วย”
จะเป็นทางออกและทางเลือกที่เหมาะสมกว่า
Post Reply

Return to “แจ้งข่าว ไทย ERP และข่าวอื่นๆที่น่าสนใจ”