มั่นใจมูดี้ส์เข้าใจประเทศไทย ไม่มีการลดอันดับความน่าเชื่อถือ
Posted: 24 Apr 2015, 10:06
มั่นใจมูดี้ส์เข้าใจประเทศไทย ไม่มีการลดอันดับความน่าเชื่อถือ
"มูดี้ส์" เข้าพบรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจของไทย สอบถามสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองไทย "หม่อมอุ๋ย" ชี้แจงแนวนโนบายเศรษฐกิจเน้นแผนงานระยะยาว เน้นการส่งเสริมประเภทอุตสาหกรรมใหม่ มั่นใจมูดี้ส์เข้าใจประเทศไทย ไม่มีการลดอันดับความน่าเชื่อถือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 เมย.) เวลา 09.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ บริษัท Moody's Investors Service เข้าพบ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยคณะเจ้าหน้าที่ บริษัท Moody's Investors Service สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจโดยรวมของไทย
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการตามแผนโรดแมป ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนก็จะสามารถเลือกตั้งได้ตามที่ตั้งไว้ ส่วนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ขณะนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่าน การส่งออกของไทยอยู่ในด้านลบ เนื่องจากปัญหาค่าแรง รัฐบาลจึงได้มีมาตรการใหม่ โดยเน้นการส่งเสริมประเภทอุตสาหกรรมใหม่ เช่น เครื่องมือแพทย์ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ไบโอพลาสติก ส่วนประกอบเครื่องบิน เป็นต้น ซึ่งไทยสามารถรองรับเทคโนโลยีในด้านนี้ได้ เพื่อช่วยดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย
การเปลี่ยนประเภทอุตสาหกรรมดังกล่าว รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้มีการออกประกาศไปแล้วตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา รวมทั้งมีการจัด road show ในต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี
"ในความเป็นจริง ประเทศอาเซียนมีการรวมตัวกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว เพียงแต่เรายังมีประเด็น ข้อกำหนดต่างๆที่เรายังต้องทำร่วมกัน เพื่อให้อาเซียนเดินหน้าร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวถึงการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปีนี้
ภายหลังการหารือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มูดี้ส์สอบถามเก็บข้อมูลสำหรับการจัดอันดับความน่าเชื่อของไทย โดยตนได้อธิบายถึงแผนการปรับเปลี่ยนประเทศระยะยาว รัฐบาลชุดนี้จึงได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการส่งออกให้ภาคเอกชนยกระดับเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเริ่มจากแผนส่งเสริมการลงทุนใหม่ที่มีการประกาศใช้ตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งได้มีการยกเลิกการส่งเสริมอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐาน หันมาส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงแทน อาทิ เครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 3 ปี
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางของสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters) เพื่อที่จะเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศเช่นเดียวกับสิงคโปร์ ขณะนี้มีบริษัทที่ยื่นเสนอจดทะเบียนแล้ว 15 ราย เป็นบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย
ส่วนความคืบหน้าในการเตรียมเป็นดิจิตอล อีโคโนมี ว่า การจัดตั้งบรอดแบนด์แห่งชาติ มีความคืบหน้าไปมาก บริษัทเอกชนที่ถือครองสายไฟเบอร์ออฟติกมีความเห็นในทิศทางเดียวกัน โดยขั้นตอนต่อไปมีการจ้างบริษัทเอกชนต่างประเทศที่มีประสบการณ์ในการวางระบบบรอดแบนด์ในระดับประเทศมาทำงาน โดยจะเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน
"การเข้าพบของมูดีส์ฯ ในครั้งนี้ ทำให้มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ในประเทศไทยมากขึ้น และจะไม่มีผลต่อการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทย" รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ยืนยัน
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 23 เมษายน 2558
"มูดี้ส์" เข้าพบรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจของไทย สอบถามสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองไทย "หม่อมอุ๋ย" ชี้แจงแนวนโนบายเศรษฐกิจเน้นแผนงานระยะยาว เน้นการส่งเสริมประเภทอุตสาหกรรมใหม่ มั่นใจมูดี้ส์เข้าใจประเทศไทย ไม่มีการลดอันดับความน่าเชื่อถือ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 เมย.) เวลา 09.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ บริษัท Moody's Investors Service เข้าพบ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยคณะเจ้าหน้าที่ บริษัท Moody's Investors Service สอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง และเศรษฐกิจโดยรวมของไทย
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการตามแผนโรดแมป ซึ่งถ้าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนก็จะสามารถเลือกตั้งได้ตามที่ตั้งไว้ ส่วนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ขณะนี้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาว เนื่องจาก 2-3 ปีที่ผ่าน การส่งออกของไทยอยู่ในด้านลบ เนื่องจากปัญหาค่าแรง รัฐบาลจึงได้มีมาตรการใหม่ โดยเน้นการส่งเสริมประเภทอุตสาหกรรมใหม่ เช่น เครื่องมือแพทย์ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ ไบโอพลาสติก ส่วนประกอบเครื่องบิน เป็นต้น ซึ่งไทยสามารถรองรับเทคโนโลยีในด้านนี้ได้ เพื่อช่วยดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย
การเปลี่ยนประเภทอุตสาหกรรมดังกล่าว รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ได้มีการออกประกาศไปแล้วตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา รวมทั้งมีการจัด road show ในต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี
"ในความเป็นจริง ประเทศอาเซียนมีการรวมตัวกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว เพียงแต่เรายังมีประเด็น ข้อกำหนดต่างๆที่เรายังต้องทำร่วมกัน เพื่อให้อาเซียนเดินหน้าร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวถึงการเข้าเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปลายปีนี้
ภายหลังการหารือ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มูดี้ส์สอบถามเก็บข้อมูลสำหรับการจัดอันดับความน่าเชื่อของไทย โดยตนได้อธิบายถึงแผนการปรับเปลี่ยนประเทศระยะยาว รัฐบาลชุดนี้จึงได้ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการส่งออกให้ภาคเอกชนยกระดับเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเริ่มจากแผนส่งเสริมการลงทุนใหม่ที่มีการประกาศใช้ตั้งแต่ต้นปีนี้ ซึ่งได้มีการยกเลิกการส่งเสริมอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐาน หันมาส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงแทน อาทิ เครื่องมือทางการแพทย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 3 ปี
นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางของสำนักงานใหญ่ข้ามประเทศ (International Headquarters) เพื่อที่จะเป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศเช่นเดียวกับสิงคโปร์ ขณะนี้มีบริษัทที่ยื่นเสนอจดทะเบียนแล้ว 15 ราย เป็นบริษัทจากประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย
ส่วนความคืบหน้าในการเตรียมเป็นดิจิตอล อีโคโนมี ว่า การจัดตั้งบรอดแบนด์แห่งชาติ มีความคืบหน้าไปมาก บริษัทเอกชนที่ถือครองสายไฟเบอร์ออฟติกมีความเห็นในทิศทางเดียวกัน โดยขั้นตอนต่อไปมีการจ้างบริษัทเอกชนต่างประเทศที่มีประสบการณ์ในการวางระบบบรอดแบนด์ในระดับประเทศมาทำงาน โดยจะเห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 6 เดือน
"การเข้าพบของมูดีส์ฯ ในครั้งนี้ ทำให้มีความเข้าใจต่อสถานการณ์ในประเทศไทยมากขึ้น และจะไม่มีผลต่อการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของไทย" รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ ยืนยัน
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 23 เมษายน 2558