พีทีทีจีซีจับมือญี่ปุ่นลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์
Posted: 24 Apr 2015, 17:49
พีทีทีจีซีจับมือญี่ปุ่นลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์
"พีทีที โกลบอล เคมิคอล" เตรียมจับมือญี่ปุ่นเดินหน้า ร่วมลงทุนศึกษาแผนลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ที่ใช้วัตถุดิบก๊าซอีเทน จาก Shale Gas .ในสหรัฐ
นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ พีทีทีจีซี กล่าวว่า ได้เดินทางไปสหรัฐ เพื่อหารือกับหน่วยงานรัฐของสหรัฐ และพันธมิตรที่จะร่วมลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ใช้วัตถุดิบก๊าซอีเทน จาก Shale Gas โดยมีกำลังการผลิตเอทิลีนอยู่ที่ 1 ล้านตัน/ปี ซึ่งทำเลที่ตั้งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา 3 รัฐด้วยกัน คือ โอไฮโอ เวสต์ เวอจิเนีย และ เพนซิลวาเนีย ในแถบมาร์เซลลัส ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่ง Shale Gas ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นภูมิภาคที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในระดับสูง ซึ่งในแผนร่วมทุนได้พูดคุยกันพันธมิตรญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ค้า (trader) ที่ทำการตลาดค้าผลิตภัณฑ์อยู่แล้วในสหรัฐ โดยพีทีทีจีซีจะถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ51 และคาดว่าจะลงทุนราว 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
“สหรัฐอเมริกามี Shale Gas ที่เป็นวัตถุดิบที่สามารถนำมาผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีได้ ประกอบกับมีต้นทุนที่ต่ำ สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และมีปริมาณสำรองสูง ในขณะที่โรงงานด้านปิโตรเคมีขั้นต้นมีไม่เพียงพอต้องนำเข้า ราคาผลิตภัณฑ์สูงกว่าการจำหน่ายในเอเชียประมาณ 100-200 ดอลลาร์/ตัน ส่วนความต้องการใช้โอเลฟินส์ของโลกขณะนี้อยู่ที่ 140 ล้านตัน ยังโตถึงร้อยละ 4 ต่อปี อะไรที่เป็นพื้นฐานความต้องการยังเติบโต”นายปฏิภาณกล่าว
สำหรับแผนการลงทุนในโครงการ ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ ให้เดินหน้าต่อในการทำการศึกษามูลค่าการลงทุนและความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการแล้ว โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปีต่อจากนี้หรือเสร็จสิ้น ไตรมาส1/2559 ห ในส่วนของการพิจารณาการเลือกรัฐที่เป็นทำเลที่ตั้งโครงการจะเสร็จสิ้นในเร็วๆนี้ หลังจากได้ศึกษาและพิจารณาปัจจัยสำคัญในการคัดเลือกทำเลที่ตั้งโครงการที่จะช่วยเอื้อต่อผลตอบแทนทางการลงทุนสูงสุด ได้แก่ การสนับสนุนจากภาครัฐ ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ความได้เปรียบในด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์ ความพอเพียงของแรงงานที่มีความสามารถ รวมถึงความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในแถบภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งส่วนใหญ่จะใช้การนำเข้า หากศึกษามูลค่าการลงทุนในโครงการสำเร็จและมีการตัดสินใจที่จะลงทุน บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)
ส่วนโครงการร่วมทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในอินโดนีเซีย กำลังผลิต 1.5 ล้านตันนั้น ล่าสุดจากที่ ซาอุดิอรามโก้ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ปรับปรุงโรงกลั่นบาลองกัน ดังนั้น ทางพีทีทีจีซีและเปอร์ตามิน่า จึงอยู่ในระหว่างการเจรจากับซาอุดิอรามโก้ เพื่อให้มาร่วมลงทุนปิโตรเคมีด้วยกัน คาดจะสรุปประมาณไตรมาส3ปี 2558 โดยตามแผนจะสร้างโรงงานโอเลฟินส์ขนาด 1.5 ล้านตันเงินลงทุน 4-5 พันล้านดอลลาร์ ใช้แนฟทาจากโรงกลั่นบาลองกันเป็นวัตถุดิบ
ทั้งนี้ พีทีทีจีซียังประเมินด้วยว่า ราคาปิโตรเคมีมีแนวโน้มดีขึ้นโดยล่าสุดโพลีเอทิลีนมีราคา 1,355 ดอลลาร์/ตัน สูงกว่าไตรมาส 1 ที่มีราคา 1,180 ดอลลาร์/ตัน
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/deta ... ov40N.dpuf
ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 23 เมษายน 2558
"พีทีที โกลบอล เคมิคอล" เตรียมจับมือญี่ปุ่นเดินหน้า ร่วมลงทุนศึกษาแผนลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ที่ใช้วัตถุดิบก๊าซอีเทน จาก Shale Gas .ในสหรัฐ
นายปฏิภาณ สุคนธมาน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบัญชี บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล หรือ พีทีทีจีซี กล่าวว่า ได้เดินทางไปสหรัฐ เพื่อหารือกับหน่วยงานรัฐของสหรัฐ และพันธมิตรที่จะร่วมลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ ใช้วัตถุดิบก๊าซอีเทน จาก Shale Gas โดยมีกำลังการผลิตเอทิลีนอยู่ที่ 1 ล้านตัน/ปี ซึ่งทำเลที่ตั้งยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา 3 รัฐด้วยกัน คือ โอไฮโอ เวสต์ เวอจิเนีย และ เพนซิลวาเนีย ในแถบมาร์เซลลัส ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นแหล่ง Shale Gas ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นภูมิภาคที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในระดับสูง ซึ่งในแผนร่วมทุนได้พูดคุยกันพันธมิตรญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้ค้า (trader) ที่ทำการตลาดค้าผลิตภัณฑ์อยู่แล้วในสหรัฐ โดยพีทีทีจีซีจะถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ51 และคาดว่าจะลงทุนราว 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
“สหรัฐอเมริกามี Shale Gas ที่เป็นวัตถุดิบที่สามารถนำมาผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีได้ ประกอบกับมีต้นทุนที่ต่ำ สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และมีปริมาณสำรองสูง ในขณะที่โรงงานด้านปิโตรเคมีขั้นต้นมีไม่เพียงพอต้องนำเข้า ราคาผลิตภัณฑ์สูงกว่าการจำหน่ายในเอเชียประมาณ 100-200 ดอลลาร์/ตัน ส่วนความต้องการใช้โอเลฟินส์ของโลกขณะนี้อยู่ที่ 140 ล้านตัน ยังโตถึงร้อยละ 4 ต่อปี อะไรที่เป็นพื้นฐานความต้องการยังเติบโต”นายปฏิภาณกล่าว
สำหรับแผนการลงทุนในโครงการ ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทฯ ให้เดินหน้าต่อในการทำการศึกษามูลค่าการลงทุนและความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการแล้ว โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปีต่อจากนี้หรือเสร็จสิ้น ไตรมาส1/2559 ห ในส่วนของการพิจารณาการเลือกรัฐที่เป็นทำเลที่ตั้งโครงการจะเสร็จสิ้นในเร็วๆนี้ หลังจากได้ศึกษาและพิจารณาปัจจัยสำคัญในการคัดเลือกทำเลที่ตั้งโครงการที่จะช่วยเอื้อต่อผลตอบแทนทางการลงทุนสูงสุด ได้แก่ การสนับสนุนจากภาครัฐ ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ความได้เปรียบในด้านการขนส่งผลิตภัณฑ์ ความพอเพียงของแรงงานที่มีความสามารถ รวมถึงความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในแถบภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งส่วนใหญ่จะใช้การนำเข้า หากศึกษามูลค่าการลงทุนในโครงการสำเร็จและมีการตัดสินใจที่จะลงทุน บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี ค.ศ. 2021 (พ.ศ. 2564)
ส่วนโครงการร่วมทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในอินโดนีเซีย กำลังผลิต 1.5 ล้านตันนั้น ล่าสุดจากที่ ซาอุดิอรามโก้ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ปรับปรุงโรงกลั่นบาลองกัน ดังนั้น ทางพีทีทีจีซีและเปอร์ตามิน่า จึงอยู่ในระหว่างการเจรจากับซาอุดิอรามโก้ เพื่อให้มาร่วมลงทุนปิโตรเคมีด้วยกัน คาดจะสรุปประมาณไตรมาส3ปี 2558 โดยตามแผนจะสร้างโรงงานโอเลฟินส์ขนาด 1.5 ล้านตันเงินลงทุน 4-5 พันล้านดอลลาร์ ใช้แนฟทาจากโรงกลั่นบาลองกันเป็นวัตถุดิบ
ทั้งนี้ พีทีทีจีซียังประเมินด้วยว่า ราคาปิโตรเคมีมีแนวโน้มดีขึ้นโดยล่าสุดโพลีเอทิลีนมีราคา 1,355 ดอลลาร์/ตัน สูงกว่าไตรมาส 1 ที่มีราคา 1,180 ดอลลาร์/ตัน
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/deta ... ov40N.dpuf
ที่มา กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 23 เมษายน 2558