ชูขนส่งรับแม่ค้าออนไลน์ ไปรษณีย์ไทยจัดทัพรอเศรษฐกิจดิจิตอล

[brid.ladawan]

ชูขนส่งรับแม่ค้าออนไลน์ ไปรษณีย์ไทยจัดทัพรอเศรษฐกิจดิจิตอล


ไปรษณีย์ไทย ปรับทัพรับนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอล เน้นธุรกิจขนส่ง-โลจิสติกส์ทั่วไทย ทั่วโลก รองรับธุรกิจออนไลน์ ที่โตกระหึ่มมูลค่ากว่า 7.6 แสนล้านบาท ตั้งเป้าปี 58 โกยรายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท

นายปิยะวัตร์ มหาเปารยะ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท.) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจไปรษณีย์ไทยในปี 2558 จะมุ่งเน้นธุรกิจขนส่งเป็นหลัก เนื่องจากตลาดขนส่งมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สอดรับนโยบายเศรษฐกิจดิจิตอลของรัฐบาล ซึ่งไปรษณีย์ไทยได้ปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว เพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และนำไปสู่การให้บริการที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น และการพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจไปรษณีย์และโลจิสติกส์ของอาเซียน
ขณะเดียวกันยังได้พัฒนาบริการขนส่งระหว่างประเทศ รองรับธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) หรือการค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งไม่ได้สั่งซื้อสินค้าออนไลน์เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น แต่เป็นการสั่งซื้อจากทั่วโลก ซึ่งจากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า การค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์เมื่อปี 2556 มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 768,014 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การปรับโครงสร้างองค์กร และปรับตัวในการทำงาน จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจขนส่ง และมุ่งสู่เป้าหมายสร้างรายได้และกำไรให้องค์กร
ปิยะวัตร์ มหาเปารยะ

สำหรับไปรษณีย์ไทยแล้ว มีรายได้จากธุรกิจขนส่งราว 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปี 2556 และในปี 2558 ไปรษณีย์ไทยจึงได้ตั้งเป้าหมายว่าธุรกิจขนส่งจะมีรายได้ราว 9,200 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% ส่วนเป้าหมายรายได้รวมนั้นอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท และมีกำไร 1,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จากปี 2557 ที่มีรายได้ 21,790 ล้านบาท กำไร 1,794 ล้านบาท ซึ่งต้องยอมรับว่ารายได้และกำไรปี 2557 ที่ผ่านมานั้น ได้รับอานิสงส์จากการทายผลฟุตบอลโลก 2014 และการขนส่งบัตรเลือกตั้ง
“ปี 2558 ถือเป็นปีที่ท้าทายพนักงานไปรษณีย์ทุกคน ที่จะต้องมุ่งมั่นทำงาน สร้างรายได้และกำไรให้เป็นไปตามเป้าหมาย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ขณะที่เศรษฐกิจภายในประเทศก็ไม่ฟื้นตัวเต็มที่เช่นกัน และไม่มีรายได้พิเศษเหมือนปีที่ผ่านมา”

นายปิยะวัตร์กล่าวต่อว่า นอกจากการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจขนส่งแล้ว ไปรษณีย์ยังต้องเร่งพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบไอทีให้มีความทันสมัยและสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ยุคดิจิตอล ที่เน้นการใช้โทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนเป็นหลัก ทางไปรษณีย์ไทยจึงได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นต่างๆ อาทิ Track&Trace เพื่อตรวจสอบสถานะสิ่งของที่ส่งได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะการส่งสินค้าลงทะเบียน และส่งสินค้าแบบด่วนพิเศษ (EMS)

ทั้งนี้ ในแต่ละปีไปรษณีย์จะใช้เงินลงทุนราว 4,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบไอทีให้ทันสมัย ปรับปรุงคุณภาพการบริการให้มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพที่ดี โดยเฉพาะการพัฒนาบุคลากรหรือบุรุษไปรษณีย์ ที่นำส่งพัสดุถึงบ้าน ซึ่งการนำส่งด้วยคนนั้นไม่มีเครื่องมือใดๆมาทดแทน

ขณะเดียวกันยังได้นำบริการ “ตู้นำจ่ายไปรษณีย์อัตโนมัติ” หรือดรอปบ๊อกซ์ที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง แก่ผู้รับสินค้าปลายทางที่ต้องการไปรับสิ่งของด้วยตัวเอง เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านและไม่สะดวกไปรับสิ่งของที่ทำการไปรษณีย์ในเวลาราชการ รวมถึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางรองรับการให้บริการด้านการสั่งซื้อสิ้นค้าทางออนไลน์ เพราะจากสถิติการส่งพัสดุทางไปรษณีย์ราว 400,000 ชิ้นต่อวัน แต่ 20% ของยอดส่งพัสดุ ผู้รับไม่อยู่บ้านหรือไม่มีผู้รับ

นอกจากนี้ยังมีแอพพลิเคชั่น Post e-mart สามารถสั่งซื้อสินค้าได้ ปัจจุบันมีสินค้าหลากหลายรายการ ที่นำมาจำหน่ายบนแอพพลิเคชั่นดังกล่าว รวมถึงการนำสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอทอป) มาร่วมจำหน่ายด้วย อีกทั้งยังช่วยเกษตรกรด้วยการช่วยจำหน่ายผลไม้ตามฤดูกาล ที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ไปรษณีย์กำหนดไว้ เช่น มะยงชิด มะม่วงน้ำดอกไม้ ลำไย ลองกอง ลิ้นจี้ เป็นต้น ซึ่งเป็นการดำเนินการภายใต้บริการ “อร่อยทั่วไทย สั่งได้ที่ไปรษณีย์” ที่เปิดให้บริการมาเป็นเวลาเกือบ 8 ปี ปัจจุบันมีรายการอาหารเข้าร่วมมากกว่า 100 รายการ จากร้านค้าทั่วประเทศซึ่งเป็นไปตามนโยบายของไปรษณีย์ไทย ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์โอทอป และเป็นเครือข่ายที่ผลักดันและขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่เวทีโลก.



ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 25 เม.ย. 2558