หลายปัจจัยรุมเร้า พณ. หั่นเป้าส่งออกปีนี้เหลือ 1.2% จาก 4%

[brid.ladawan]

หลายปัจจัยรุมเร้า พณ. หั่นเป้าส่งออกปีนี้เหลือ 1.2% จาก 4%



กระทรวงพาณิชย์เผย การส่งออกเดือน มี.ค. 58 ลดลง 4.45% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยปัจจัยหลักมาจากทั้งในและนอกประเทศ พร้อมตั้งเป้าส่งออกไว้ที่ 1.2% ลดลงจากเดิม 4% จาก 3 สมมติฐานหลัก

เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 58 กระทรวงพาณิชย์ รายงานภาวะการส่งออกในเดือน มี.ค. 58 หดตัว 4.45% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน โดยมีมูลค่า 18,886 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่การนำเข้าหดตัว 5.89% มีมูลค่า 17,391 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้เกินดุลการค้า 1,495 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่การส่งออกในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.58) มูลค่า 53,365 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 4.69% นำเข้าไตรมาสแรก 51,936 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 6.43% ดุลการค้าไตรมาสแรก เกินดุล 1,429 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ภาพรวมการส่งออกเดือน มี.ค.ดีขึ้น โดยเป็นการหดตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน และยังสามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดที่สำคัญไว้ได้ ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตร/สินค้าอุตสาหกรรมเกษตรในกลุ่มที่มีปัญหาพบว่า ปริมาณการส่งออกมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น และแม้การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมจะยังหดตัวแต่ก็มีอัตราชะลอลง

สำหรับปัจจัยที่กระทบต่อการส่งออกของไทยขณะนี้ ยังมีทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยปัจจัยภายในประเทศมาจาก 1. การขาดแคลนวัตถุดิบ เช่น สินค้ากุ้ง ที่ประสบปัญหาโรค EMS และปลาที่ประสบปัญหาการทำประมงกับอินโดนีเซีย รวมถึงปัญหา IUU 2. ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน 3. มีการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีค่าแรงถูกกว่า และได้สิทธิพิเศษทางภาษี

ขณะที่ผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ได้แก่ IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปีนี้เหลือโต 3.5% จากเดิม 3.8%, การนำเข้าในภาพรวมของทุกประเทศลดลง, ความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนในประเทศคู่ค้าของไทย, ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำโดยเฉพาะข้าว ยางพาราและน้ำตาล, ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลงจากระดับ 87 ดอลลาร์/บาร์เรล ในเดือน ต.ค. 57 เหลือ 58 ดอลลาร์ในเดือน ก.พ. 58,

มาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ ภาษี (NTB), ความไม่สงบในตะวันออกกลางและแอฟริกาตอนเหนือ, นโยบายภายในประเทศของประเทศคู่ค้า เช่น จีนและอินโดนีเซียที่หันมาพึ่งพาการผลิต และพึ่งพาอุตสาหกรรมภายในประเทศมากขึ้น ในขณะที่สหรัฐฯ ดึงการลงทุนหลายอย่างกลับไปผลิตเองในประเทศ, กรณีที่สหภาพยุโรปตัดสิทธิ GSP ในสินค้าไทยหลายรายการ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 58

ด้านนางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการประเมินร่วมกับผู้ส่งออกในแต่ละกลุ่มสินค้าพบว่าสถานการณ์โดยรวมของแต่ละประเทศมีการนำเข้าชะลอตัวลง ส่งผลให้ในแต่ละตลาดมียอดนำเข้ารวมลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจากที่ประเมินสถานการณ์โลกแล้ว ภาพรวมการส่งออกของไทยในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 0.5-1%

แต่กระทรวงพาณิชย์ได้ตั้งเป้าหมายสำหรับการส่งออกในปีนี้ไว้ที่ 1.2% ที่มูลค่า 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งปรับลดลงจากเดิม 4% สาเหตุจากปัจจัยภายนอกที่ยังรุมเร้ามากมาย แต่สมมติฐานราคาน้ำมันตลาดโลกในครึ่งปีหลังจะขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล, แนวโน้มเงินบาทที่คาดว่าจะอ่อนค่าไปใกล้เคียงประเทศคู่ค้าและประเทศคู่แข่ง โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.60-33.40 บาท/ดอลลาร์, แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรจะค่อยกระเตื้องขึ้น เชื่อว่าจะช่วยผลักดันการส่งออกได้

"เรามั่นใจว่าการส่งออกจะไปสู่ เป้าหมายที่ 1.2% ได้จาก 3 สมมติฐานหลักที่กล่าวมา เนื่องจากการส่งออกส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับ 3 ตัวนี้เป็นหลัก" นางนันทวัลย์ กล่าว

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ประเมินมูลค่าการส่งออกรายไตรมาส ดังนี้ ไตรมาส 2/58 คาดว่ามูลค่า 56,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, ไตรมาส 3/58 ที่ 61,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, ไตรมาส 4/58 ที่ 59,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากไตรมาส 1/58 มีมูลค่าการส่งออก 53,365 ล้านเหรียญสหรัฐฯ


ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 28 เม.ย. 2558