ส่ง “กยท.” ซื้อยาง 2 แสนตัน
Posted: 13 May 2015, 13:41
ส่ง “กยท.” ซื้อยาง 2 แสนตัน
นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า คาดว่าพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะมีผลบังคับใช้ได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดหน่วยงานใหม่ของประเทศในการรวมศูนย์การบริหารจัดการยางพาราในประเทศไว้ในหน่วยงานเดียว โดยควบรวมหน่วย งานด้านยางพารา 3 หน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบันเข้าด้วยกัน ได้แก่ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การ ทำสวนยาง (ส.ก.ย.) องค์การสวนยาง (อสย.) และ สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร ทั้งนี้ หน้าที่แรก ของ กยท. คือ การไปรวบรวมรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรรายย่อยถึงสวนยาง เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดปริมาณรับซื้อจากชาวสวนยางรายย่อยในปริมาณรวม 200,000 ตัน เพื่อนำไปส่งมอบให้แก่ทางการจีนตามข้อตกลงการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ระหว่างไทย-จีน
สำหรับอำนาจและหน้าที่ของ กยท. ซึ่งจะเป็นหน่วยงานใหม่ในการบริหารจัดการยาง ถือว่าเป็นการปฏิรูปการบริหารของภาครัฐอย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก กยท.จะเป็นผู้บริหารจัดการเงินในกองทุน สงเคราะห์การทำสวนยาง (เงินเซส) โดยสามารถนำเงินดังกล่าวไปส่งเสริมการใช้ยางในประเทศ ส่งเสริมการวิจัยผลิตภัณฑ์และการแปรรูปยางพารา ส่งเสริมสวัสดิการของเกษตรกร เท่ากับการดูแลแบบ ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จากเดิมที่กำหนดให้เงินเซสนำไปส่งเสริมการปลูกยางทดแทนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น.
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 13 พ.ค. 2558
นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า คาดว่าพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะมีผลบังคับใช้ได้ภายในเดือน มิ.ย.นี้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดหน่วยงานใหม่ของประเทศในการรวมศูนย์การบริหารจัดการยางพาราในประเทศไว้ในหน่วยงานเดียว โดยควบรวมหน่วย งานด้านยางพารา 3 หน่วยงานที่มีอยู่ในปัจจุบันเข้าด้วยกัน ได้แก่ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การ ทำสวนยาง (ส.ก.ย.) องค์การสวนยาง (อสย.) และ สถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร ทั้งนี้ หน้าที่แรก ของ กยท. คือ การไปรวบรวมรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรรายย่อยถึงสวนยาง เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดปริมาณรับซื้อจากชาวสวนยางรายย่อยในปริมาณรวม 200,000 ตัน เพื่อนำไปส่งมอบให้แก่ทางการจีนตามข้อตกลงการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ระหว่างไทย-จีน
สำหรับอำนาจและหน้าที่ของ กยท. ซึ่งจะเป็นหน่วยงานใหม่ในการบริหารจัดการยาง ถือว่าเป็นการปฏิรูปการบริหารของภาครัฐอย่างสิ้นเชิง เนื่องจาก กยท.จะเป็นผู้บริหารจัดการเงินในกองทุน สงเคราะห์การทำสวนยาง (เงินเซส) โดยสามารถนำเงินดังกล่าวไปส่งเสริมการใช้ยางในประเทศ ส่งเสริมการวิจัยผลิตภัณฑ์และการแปรรูปยางพารา ส่งเสริมสวัสดิการของเกษตรกร เท่ากับการดูแลแบบ ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จากเดิมที่กำหนดให้เงินเซสนำไปส่งเสริมการปลูกยางทดแทนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น.
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 13 พ.ค. 2558