ศิลปะ-ดนตรี ช่วยพัฒนาเด็กกลุ่มดาวน์
Posted: 13 May 2015, 13:51
ศิลปะ-ดนตรี ช่วยพัฒนาเด็กกลุ่มดาวน์
การสร้างความรู้ความเข้าใจและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญของพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกเป็นกลุ่มอาการดาวน์ สาขาวิชาเวชพันธุศาสตร์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จึงร่วมกับชมรมผู้ปกครองเด็กกลุ่มอาการดาวน์ โรงพยาบาลศิริราช จัดงาน “ชุมนุมกลุ่มอาการดาวน์” เป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้เป็นครั้งที่ 23 เพื่อให้พ่อแม่ได้ทราบถึงความก้าวหน้าในการรักษา หากเด็กกลุ่มอาการดาวน์ได้รับการฝึกกระตุ้นพัฒนาการตั้งแต่อายุ 2 เดือน
ศ.เกียรติคุณ พญ.พรสวรรค์ วสันต์ ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และประธานชมรมผู้ปกครองเด็กกลุ่มอาการดาวน์ กล่าวว่า การ ดูแลเด็กที่มีอาการดาวน์อย่างถูกต้องควรเริ่มตั้งแต่เกิดเลย ดังนั้นพ่อแม่จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความรู้ที่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันการรู้ว่าลูกจะมีอาการดาวน์ สามารถตรวจได้เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 16-20 สัปดาห์ ของการตั้งครรภ์ การมีลูกเป็นเด็กอาการดาวน์ เป็นเรื่องอุบัติเหตุทางพันธุกรรม เกิดกับใครก็ได้ ทั้งคุณแม่ที่อายุมาก และอายุน้อย แต่เมื่อตรวจพบแล้วจะทำอย่างไรต่อ พ่อแม่ต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการตั้งครรภ์ต่อไป หรือยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มจะดำเนินการตั้งครรภ์มากกว่า ซึ่งในจุดนี้บุคลากรทางการแพทย์ต้องให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลเด็กกลุ่มอาการดาวน์ให้มีพัฒนาการได้อย่างไร จากประสบการณ์เมื่อพ่อแม่มีความรู้ในการดูแลลูกแล้ว เขาก็จะพยายามสุดฝีมือ สุดกำลังที่จะช่วยเหลือลูกเขา จะเห็นได้จากกิจกรรมของเราที่จัดมากว่า 20 ปี เด็กอาการดาวน์ของเราสามารถเรียนหนังสือ แม้จะช้าหน่อย แต่เขาก็สามารถเรียนได้จนบางคนจบปริญญา และสามารถประกอบอาชีพได้ ดังนั้นการดูแลส่งเสริมเกี่ยวกับทางด้านพัฒนาการ จึงมีความสำคัญ และต้องเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่โรงเรียน การส่งเสริมการพัฒนาต้องทำตั้งแต่เล็กๆ เราจะมีโปรแกรมฝึกทางด้านกายภาพ อาทิ กล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ เพื่อให้หยิบจับปากกาดินสอได้ รวมทั้งการได้ยิน เพื่อไปสู่การพูด ส่วนในด้านอื่นๆ เด็กกลุ่มอาการดาวน์ แม้จะด้อยทางสติปัญญา แต่ส่วนอื่นของสมองยังใช้ได้ และเด็กเหล่านี้จะมีลักษณะพิเศษ คือ จะมีความสามารถทางด้านดนตรี, กีฬาและศิลปะ เมื่อทราบว่าเขาด้อยทางปัญญา เราก็ส่งเสริมทางด้านอื่นที่มีความเด่น บางคนเป็นนักว่ายน้ำ บางคนเล่นดนตรีเปียโนได้อย่างดี เหล่านี้เป็นการพัฒนาพื้นฐานที่พ่อแม่สามารถทำให้ลูกๆได้
คุณแม่สมบูรณ์ -พีรัช พนาโยธากุล และ ศ.เกียรติคุณ พญ.พรสวรรค์ วสันต์.
ด้านคุณแม่สมบูรณ์ พนาโยธากุล คุณแม่ของพีรัช หนุ่มวัย 25 ปี ที่มีอาการดาวน์ ซึ่งได้รับการดูแลเอาใจใส่จากแม่จนสามารถพัฒนาตนเอง ทั้งอ่านออก เขียนได้ จนเรียนจบ ปวส.และช่วยคุณแม่เย็บเสื้อคอกระเช้าขายและส่งโรงงาน ซึ่ง คุณแม่สมบูรณ์ เล่าว่า การสอนเด็กอาการดาวน์ต้องทำซ้ำๆ บ่อยๆ ฝึกเขาไปเรื่อยๆ ที่บ้านก็สอนเขาตามที่คุณหมอแนะนำตั้งแต่เล็กๆ ให้เขาสามารถช่วยเหลือตัวเอง แล้วเราก็ส่งเสริมพัฒนาเพิ่มเติม พาเขาไปเรียน ว่ายน้ำ ไปเรียนพิเศษทั้งภาษาไทยและภาษา อังกฤษ พอเขาเข้าสู่วัยรุ่นก็ต้องสอนเขาเรื่องเพศศึกษา จนเขาโตแล้วอยากสอนเขาเรื่องอาชีพ จึงออกแบบแพตเทิร์นตัดเสื้อคอกระเช้าแล้วสอนเขาว่า เรียกว่าอะไร ให้เขาทดลองทำทีละนิดก่อน อันไหนยากเราก็ทำก่อนเป็นตัวอย่าง จนกระทั่งเขาสามารถตัดเย็บได้เองทั้งตัว แต่เราก็คอยดูคุณภาพ จนเขาบอกว่า อยากทำงานเก็บเงินส่งน้องสาว ที่เพิ่งจบปริญญาตรี นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ไปเรียนต่างประเทศ เพราะเขาสนิทและรักกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน
มาตลอด.
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 13 พฤษภาคม 2558
การสร้างความรู้ความเข้าใจและกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญของพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีลูกเป็นกลุ่มอาการดาวน์ สาขาวิชาเวชพันธุศาสตร์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล จึงร่วมกับชมรมผู้ปกครองเด็กกลุ่มอาการดาวน์ โรงพยาบาลศิริราช จัดงาน “ชุมนุมกลุ่มอาการดาวน์” เป็นประจำทุกปี ซึ่งปีนี้เป็นครั้งที่ 23 เพื่อให้พ่อแม่ได้ทราบถึงความก้าวหน้าในการรักษา หากเด็กกลุ่มอาการดาวน์ได้รับการฝึกกระตุ้นพัฒนาการตั้งแต่อายุ 2 เดือน
ศ.เกียรติคุณ พญ.พรสวรรค์ วสันต์ ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และประธานชมรมผู้ปกครองเด็กกลุ่มอาการดาวน์ กล่าวว่า การ ดูแลเด็กที่มีอาการดาวน์อย่างถูกต้องควรเริ่มตั้งแต่เกิดเลย ดังนั้นพ่อแม่จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับความรู้ที่ถูกต้อง ซึ่งปัจจุบันการรู้ว่าลูกจะมีอาการดาวน์ สามารถตรวจได้เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 16-20 สัปดาห์ ของการตั้งครรภ์ การมีลูกเป็นเด็กอาการดาวน์ เป็นเรื่องอุบัติเหตุทางพันธุกรรม เกิดกับใครก็ได้ ทั้งคุณแม่ที่อายุมาก และอายุน้อย แต่เมื่อตรวจพบแล้วจะทำอย่างไรต่อ พ่อแม่ต้องตัดสินใจว่าจะดำเนินการตั้งครรภ์ต่อไป หรือยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มจะดำเนินการตั้งครรภ์มากกว่า ซึ่งในจุดนี้บุคลากรทางการแพทย์ต้องให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลเด็กกลุ่มอาการดาวน์ให้มีพัฒนาการได้อย่างไร จากประสบการณ์เมื่อพ่อแม่มีความรู้ในการดูแลลูกแล้ว เขาก็จะพยายามสุดฝีมือ สุดกำลังที่จะช่วยเหลือลูกเขา จะเห็นได้จากกิจกรรมของเราที่จัดมากว่า 20 ปี เด็กอาการดาวน์ของเราสามารถเรียนหนังสือ แม้จะช้าหน่อย แต่เขาก็สามารถเรียนได้จนบางคนจบปริญญา และสามารถประกอบอาชีพได้ ดังนั้นการดูแลส่งเสริมเกี่ยวกับทางด้านพัฒนาการ จึงมีความสำคัญ และต้องเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่โรงเรียน การส่งเสริมการพัฒนาต้องทำตั้งแต่เล็กๆ เราจะมีโปรแกรมฝึกทางด้านกายภาพ อาทิ กล้ามเนื้อมัดเล็ก มัดใหญ่ เพื่อให้หยิบจับปากกาดินสอได้ รวมทั้งการได้ยิน เพื่อไปสู่การพูด ส่วนในด้านอื่นๆ เด็กกลุ่มอาการดาวน์ แม้จะด้อยทางสติปัญญา แต่ส่วนอื่นของสมองยังใช้ได้ และเด็กเหล่านี้จะมีลักษณะพิเศษ คือ จะมีความสามารถทางด้านดนตรี, กีฬาและศิลปะ เมื่อทราบว่าเขาด้อยทางปัญญา เราก็ส่งเสริมทางด้านอื่นที่มีความเด่น บางคนเป็นนักว่ายน้ำ บางคนเล่นดนตรีเปียโนได้อย่างดี เหล่านี้เป็นการพัฒนาพื้นฐานที่พ่อแม่สามารถทำให้ลูกๆได้
คุณแม่สมบูรณ์ -พีรัช พนาโยธากุล และ ศ.เกียรติคุณ พญ.พรสวรรค์ วสันต์.
ด้านคุณแม่สมบูรณ์ พนาโยธากุล คุณแม่ของพีรัช หนุ่มวัย 25 ปี ที่มีอาการดาวน์ ซึ่งได้รับการดูแลเอาใจใส่จากแม่จนสามารถพัฒนาตนเอง ทั้งอ่านออก เขียนได้ จนเรียนจบ ปวส.และช่วยคุณแม่เย็บเสื้อคอกระเช้าขายและส่งโรงงาน ซึ่ง คุณแม่สมบูรณ์ เล่าว่า การสอนเด็กอาการดาวน์ต้องทำซ้ำๆ บ่อยๆ ฝึกเขาไปเรื่อยๆ ที่บ้านก็สอนเขาตามที่คุณหมอแนะนำตั้งแต่เล็กๆ ให้เขาสามารถช่วยเหลือตัวเอง แล้วเราก็ส่งเสริมพัฒนาเพิ่มเติม พาเขาไปเรียน ว่ายน้ำ ไปเรียนพิเศษทั้งภาษาไทยและภาษา อังกฤษ พอเขาเข้าสู่วัยรุ่นก็ต้องสอนเขาเรื่องเพศศึกษา จนเขาโตแล้วอยากสอนเขาเรื่องอาชีพ จึงออกแบบแพตเทิร์นตัดเสื้อคอกระเช้าแล้วสอนเขาว่า เรียกว่าอะไร ให้เขาทดลองทำทีละนิดก่อน อันไหนยากเราก็ทำก่อนเป็นตัวอย่าง จนกระทั่งเขาสามารถตัดเย็บได้เองทั้งตัว แต่เราก็คอยดูคุณภาพ จนเขาบอกว่า อยากทำงานเก็บเงินส่งน้องสาว ที่เพิ่งจบปริญญาตรี นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ไปเรียนต่างประเทศ เพราะเขาสนิทและรักกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน
มาตลอด.
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 13 พฤษภาคม 2558