Page 1 of 1

“สามารถ” ยันถึงรายได้ไตรมาสแรกร่วง แต่มั่นใจยังเติบโตได้

Posted: 15 May 2015, 14:59
by brid.ladawan
“สามารถ” ยันถึงรายได้ไตรมาสแรกร่วง แต่มั่นใจยังเติบโตได้

“สามารถ” ยันถึงรายได้ไตรมาสแรกร่วง แต่มั่นใจยังเติบโตได้
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น
สามารถเผยไตรมาสแรกทั้งรายได้และกำไรลดลง 15-20% เพราะภาวะเศรษฐกิจภาพรวมที่ยังไม่ดีและเอกชนยังไม่ค่อยลงทุน แต่ยังมั่นใจจะสามารถเติบโตได้จากเม็ดเงินของภาครัฐที่จะต้องโปรยเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เร่งจับมือโอเปอเรเตอร์จัดโปรโมชันมือถือร่วมกันเพื่อกระตุ้นการซื้อพร้อมมีระบบผ่อนชำระเพื่อเพิ่มทางเลือก รวมถึงขยายช่องทางขายผ่านออนไลน์ ส่วนกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เริ่มมีงานทยอยเข้ามาให้เซ็นสัญญามากขึ้น

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจในปีนี้แม้จะยังไม่ค่อยสดใสและภาคเอกชนยังไม่ค่อยใช้จ่าย แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าภาครัฐเริ่มมีการใส่เม็ดเงินเข้ามาในระบบมากขึ้น ทำให้ธุรกิจในบางกลุ่มของสามารถสร้างกำไรที่เติบโตได้ แม้ในช่วงไตรมาสแรกในปีนี้ของสามารถมีรายได้รวม 4,801 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 273 ล้านบาท ลดลดจากไตรมาสที่ผ่านมาประมาณ 15-20% ซึ่งอยู่ที่ 5,715 ล้านบาทและมีกำไรสุทธิ 318 ล้านบาท

สำหรับในครึ่งปีแรกสามารถเทลคอม ได้ทำการเซ็นสัญญาในโครงการใหม่ไปแล้วกว่า 90% จาก 39 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 7,000 ล้านบาท และในส่วนของครึ่งปีหลังที่มีอยู่อีก 51 โครงการมูลค่าประมาณ 8,500 ล้านบาท ตั้งเป้ามูลค่ารวมทั้งปีน่าจะอยู่ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังหดตัวเช่นนี้น่าจะเป็นโอกาสดีที่สามารถจะเล็งธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการเข้าไปซื้อกิจการ ซึ่งน่าจะเป็นธุรกิจที่อยู่ในความชำนาญของสายธุรกิจที่สามารถทำอยู่

“สำหรับโอกาสในสายธุรกิจต่างๆ นั้นสามารถมองว่า ในส่วนของธุรกิจ ICT Solutions นั้นถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเพิ่มการลงทุนในภาครัฐ ที่กำลังจะกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากกลุ่มธุรกิจนี้จะเน้นโครงการของรัฐเป็นหลัก ส่วนสายธุรกิจโมบายมัลติมีเดียนั้นจะเข้าร่วมกับโอเปอเรเตอร์ในการทำตลาดมากขึ้น รวมไปถึงจะเน้นการจับมือกับสถาบันการเงินที่ทำการผ่อนเครื่องพร้อมโปรโมชัน และการขายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วย เช่นเดียวกับการขยายตลาดไอโมบายสู่ต่างประเทศนั้นขณะนี้กำลังเติบโตไปด้วยดี”

นายวัฒน์ชัย กล่าวว่า สำหรับสายธุรกิจ ICT Solutions ในช่วงไตรมาสแรกมีรายได้ 1,375 ล้านบาท กำไรสุทธิ 120 ล้านบาท มูลค่างานที่ได้เซ็นสัญญาในไตรมาสแรกรวม 533 ล้านบาท อาทิ โครงการพัฒนาศักยภาพด้านความปลอดภัยกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี โครงการขยายระบบห้องประชุมทางไกลของกระทรวงสาธารณสุข โครงการติดตั้งอุปกรณ์ DWDM ให้กับ บริษัท กสท โทรคมนาคม เป็นต้น ส่วนโครงการที่มีโอกาสสูงที่คาดว่าจะได้เซ็นสัญญาในไตรมาส 2 นั้น มีมูลค่ารวมถึง 6,400 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่เป็นส่วนต่อขยาย ได้แก่ โครงการกรมที่ดิน รวมถึงโครงการใหม่อื่นๆ จากลูกค้าสำคัญๆ อาทิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น

สายธุรกิจ Mobile-Multimedia ไตรมาสแรกมีรายได้รวม 2,341 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท แม้จะมีรายได้ที่ลดลงแต่ก็มีกำไรสูงขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 3,018 ล้านบาท และมีกำไร 72 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกคาดจะขายได้มากกว่า 2 ล้านเครื่อง จากไตรมาสแรกที่ขายได้ 900,000 เครื่อง นอกจากนี้ ไอ-โมบายยังพุ่งเป้าไปที่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะพม่าที่คาดว่าจะส่งออกได้ถึงหลัก 1 ล้านเครื่องในปีนี้

ส่วนธุรกิจคอนเทนต์ก็ได้มีการขยับตัวครั้งสำคัญ เพื่อสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ๆ นั่นคือ การจับมือกับสยามสปอร์ต จัดตั้ง “ไอ-สปอร์ต” เพื่อเป็นผู้ให้บริการคอนเทนต์และบริหารจัดการอีเวนต์ด้านกีฬาอย่างครบวงจร โดยมีแผนที่จะนำบริษัทไอ-สปอร์ต เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงต้นปีหน้าด้วย และกำลังศึกษารูปแบบธุรกิจใหม่ ครอบคลุม e-commerce & e-logistic พร้อมเปิดตัวในไตรมาส 3

ด้านสายธุรกิจ Related Businesses โดยบริษัท วันทูวัน คอนแทคส์ วิชั่น แอน ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม และ บริษัท สามารถวิศวกรรม มีรายได้รวม 510 ล้านบาท โดย “วันทูวัน” และมีโอกาสเติบโตทางด้านรายได้ถึง 20% จากฐานลูกค้าเดิม เนื่องจากมีความต้องการใช้บริการคอลเซ็นเตอร์ขององค์กรต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 60% ล่าสุดยังได้งานโครงการศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ ของบริษัท การบินไทย และเป็นที่ปรึกษาโครงการพัฒนาระบบ Knowledge Base ของกรมการท่องเที่ยว ส่วน “สามารถวิศวรรม” ก็มีโอกาสขยับยอดขายกล่องและเสารับสัญญานดิจิตอลทีวีเพิ่มขึ้น จากการแจกคูปองล็อตสุดท้ายอีก 5.8 ล้านใบกลางเดือน พ.ค.นี้

สายธุรกิจ U-Trans มีรายได้ไตรมาสแรกรวม 600 ล้านบาท จาก CATs และโรงไฟฟ้ากัมปอต ที่ประเทศกัมพูชาแล้ว ยังมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากบริษัทลูก คือ เทด้า ซึ่งล่าสุด ได้งานการปรับปรุงสถานีไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีของ กฟผ. มูลค่าประมาณ 484 ล้านบาท และงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าเชิงเนิน ขนาด 230 กิโลวัตต์ จ.ระยอง ของบริษัท ไออาร์พีซี คลีน พาวเวอร์ จำกัด มูลค่ากว่า 265 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าในการรุกธุรกิจด้านพลังงานของกลุ่มสามารถที่เห็นชัด คือ การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับเอ็มลิงค์ในนามบริษัท เชียงใหม่ เวสทูเพาเวอร์ จำกัด เพื่อบริหารจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อนำไปเป็นเชื้อเพลงในการผลิตไฟฟ้า รวมไปถึงกำลังพิจารณาการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานขยะในอีก 2-3 จังหวัดใหญ่ สำหรับการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานอื่นๆ อาทิ ถ่านหิน น้ำและแสงอาทิตย์ และการพัฒนาโครงการร่วมกับพันธมิตรมากมาย ทั้งในและต่างประเทศ

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์
วันที่ 13 พฤษภาคม 2558