Page 1 of 1

สภาพัฒน์ หั่นจีดีพีเหลือ 3-4% แนะรัฐแก้ส่งออก (ชมคลิป)

Posted: 19 May 2015, 15:06
by brid.ladawan
สภาพัฒน์ หั่นจีดีพีเหลือ 3-4% แนะรัฐแก้ส่งออก (ชมคลิป)


สภาพัฒน์ หั่นจีดีพีปีนี้ โตแค่ 3-4% จากส่งออกหด มองเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี พร้อมจับตาอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มติดลบต่อเนื่อง แนะรัฐเร่งแก้ปัญหาส่งออก ดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็ง และแก้ปัญหาค้ามนุษย์....

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 58 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 1/58 ขยายตัว 3% ดีขึ้นจากการขยายตัว 2.1% ในไตรมาส 4/57 ด้านการใช้จ่ายมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาครัฐ และการส่งออกบริการ ด้านการผลิตปรับตัวดีขึ้นในเกือบทุกภาคการผลิต โดยเฉพาะสาขาก่อสร้าง สาขาโรงแรมและภัตตาคาร สาขาคมนาคมขนส่ง และสาขาอุตสาหกรรมที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้วเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/58 ขยายตัวจากไตรมาส 4/57ราว 0.3%

อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในปี 58 เหลือโต 3-4% จากเดิมคาด 3.5-4.5% เนื่องจากคาดว่าส่งออกน่าจะขยายได้ตัวได้เพียง 0.2% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.5% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั้งปีนี้มีโอกาสหดตัวถึงขยายตัวในช่วง -0.3 ถึง +0.7%

ส่วนสาเหตุที่ปรับลดคาดการณ์ GDP เนื่องจากการส่งออกไม่ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจภายนอก แต่การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้งที่ผ่านมาถือว่าช่วยสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจได้นอกเหนือจากนโยบายการคลัง ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าและเป็นประโยชน์ต่อภาคการส่งออกตั้งแต่ไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป

พร้อมระบุ การขยายตัวของ GDP ในปีนี้มีปัจจัยสนับสนุนจาก 1. การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2. การใช้จ่ายและการลงทุนของภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ในภาวะที่ความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพ รวมอยู่ในเกณฑ์ดี 3. การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 4. การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และ 5. ราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเพิ่มอำนาจซื้อและเอื้ออำนวยต่อการดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การอ่อนค่าของเงินยูโรและเงินเยน และความตกต่ำของราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกยังเป็นข้อจำกัดสำคัญที่ทำให้การส่งออก อุปสงค์ภาคเอกชนและเศรษฐกิจในภาพรวมขยายตัวได้ต่ำกว่าที่ได้ประมาณการไว้ และทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภาพรวมยังไม่สามารถกระจายตัวทั่วถึงทุกภาค ส่วนในระบบเศรษฐกิจโดยเฉพาะเกษตรกร และภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคเกษตรและการส่งออก

ทั้งนี้ คาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัว 0.2% การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัว 2.3% และ 6.2% ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วง (-0.3) ถึง 0.7% และบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 3.9% ของ GDP ส่วนเสถียรภาพทางเศรษฐกิจยังมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลมากขึ้นตามการขยายตัวของภาคท่องเที่ยว และการลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อเคลื่อนไหวในแดนลบในช่วงครึ่งปีแรกและมีแนวโน้มที่จะติดลบต่อเนื่องใน ไตรมาส 3/58 ซึ่งทำให้ยังต้องติดตามเพื่อประเมินสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อของประชาชน รวมทั้งการตอบสนองของภาคธุรกิจต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ ได้นำเสนอประเด็นการบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปี 58 ควรให้ความสำคัญกับ 1. การเร่งรัดแก้ไขปัญหาด้านการส่งออก โดยในระยะยาวจะต้องปรับโครงสร้างการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า ผลิตภาพการผลิต และเพิ่มสัดส่วนอุตสาหกรรมและบริการในยุคที่สาม ส่วนในระยะสั้นควรให้ความสำคัญกับการดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเร็วกว่า ประเทศคู่แข่ง การแสวงหาตลาดและเพิ่มปริมาณสินค้าส่งออกที่สำคัญๆ การลดปัญหาอุปสรรคความล่าช้าและข้อจำกัดในกระบวนการการทำงานและระเบียบ ปฏิบัติของภาครัฐ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกด้านการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะในแนวด่านชายแดน ต่างๆ และการเร่งรัดแก้ปัญหาการค้าแรงงานข้ามชาติและปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมาย

2. การแก้ไขปัญหาด้านการเกษตร โดยให้ความสำคัญกับการสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจสถานการณ์และเงื่อนไขทาง ด้านราคาเพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของเงื่อนไขด้าน ราคาในตลาดโลกควบคู่ไปกับการดำเนินการเพื่อสนับสนุนการปรับตัวของการผลิตภาค เกษตรโดยเฉพาะการดูแลต้นทุนวัตถุดิบทางการเกษตร การเพิ่มผลิตภาพการผลิต และการสนับสนุนการส่งเสริมอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้แก่ครัวเรือนในภาค เกษตร 3. การบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรและผู้ได้รับผลกระทบจากภาวะซบเซาของ การส่งออก และ 4. การเร่งรัด การเบิกจ่ายงบประมาณและการดำเนินการตามโครงการลงทุนที่สำคัญๆ ของภาครัฐ.

ที่มา ไทยรัฐออนไลน์
วันที่ 18 พ.ค. 2558