Page 1 of 1

ธ.โลกคาดจีดีพีไทยปีหน้าโต 5%

Posted: 06 Apr 2013, 14:58
by brid.ladawan
ladawan
Hero Member
*****
Posts: 824


View Profile Email


ธ.โลกคาดจีดีพีไทยปีหน้าโต 5%
« on: November 27, 2012, 11:46:13 am »

ธ.โลกคาดจีดีพีไทยปีหน้าโต 5%

วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2012 เวลา 17:21 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ เศรษฐกิจโลก - คอลัมน์ : เศรษฐกิจโลก


ดร.กิริฎา เภาพิจิตรดร.กิริฎา เภาพิจิตรธนาคาร โลกเผยคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีหน้า ยังเผชิญปัจจัยลบรอบด้านโดยเฉพาะความเสี่ยงใหญ่สุดยังคงเป็นวิกฤติยูโรโซน ที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวนาน อย่างไรก็ตามปัจจัยบวกที่มีอยู่น่าจะทำให้การขยายตัวของจีดีพีในปี 2556

เพิ่มมากกว่าปีนี้ที่ระดับ 5 %
ดร.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก สำนักงานประเทศไทย กล่าวในการบรรยายพิเศษเรื่อง "ทิศทางเศรษฐกิจไทย 2556" ในงานสัมมนา "วิสัยทัศน์ธุรกิจไทยในกรอบ AEC" ซึ่งจัดโดยธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็วๆนี้ ว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้า (2556) มีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดคือ วิกฤติเศรษฐกิจในกลุ่มยูโรโซน ซึ่งทำให้การส่งออกของไทยได้รับผลกระทบไปด้วย ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนซบเซาและทำให้ไทยส่งออกไปยังตลาดดังกล่าวได้น้อยลง เป็นที่น่าสังเกตว่าไทยยังส่งออกไปจีนและอาเซียนได้ลดลงด้วยในช่วงเวลา เดียวกัน สะท้อนให้เห็นว่าประเทศหรือกลุ่มประเทศที่เป็นตลาดใหญ่ของไทยนั้นเชื่อมโยง ผูกเข้าด้วยกันหมด เมื่อตลาดหนึ่งอ่อนแอก็ส่งผลไปยังตลาดอื่นๆทั้งหมด นอกจากนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นในยูโรโซนยังทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวยาวนานมากขึ้น ทำให้การค้าขายระหว่างประเทศไม่ขยายตัวมากเหมือนเมื่อในอดีต
alt ความเสี่ยงหรือปัจจัยลบอื่นๆ ยังได้แก่ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกมีแนวโน้มปรับลดลง รวมทั้งข้าวและยางพารา ซึ่งจะส่งผลกระทบกับราคาสินค้าภาคเกษตรของไทย นอกจากนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อใช้ในโครงการบริหารจัดการน้ำยังมีความล่าช้าซึ่งคง เป็นปัจจัยที่ไม่ส่งเสริมให้เศรษฐกิจไทยเติบโตมากนัก อีกทั้งการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำยังทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นก็ล้วนเป็นปัจจัยในเชิงลบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองในแง่ปัจจัยบวกหรือปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ก็มีอยู่เช่นกัน ซึ่งได้แก่ปัจจัยเหล่านี้ คือ 1) ราคาพลังงานของโลกขยับเพิ่มในอัตราที่ช้าลง 2) การลงทุนและทุน ยังคงเคลื่อนย้ายเข้ามามากขึ้น 3) การนำเข้าของไทยมีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำ และ 4) อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ โดยคาดว่าน่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับปีนี้
"เราประมาณการว่า การเติบโตของจีดีพีของไทยซึ่งอยู่ที่ 4 % กว่าๆในปี 2555 น่าจะโตเพิ่มขึ้นในระดับ 5 % ในปี 2556 โดยคาดว่าจะมีการฟื้นตัวเต็มที่ด้านการผลิตและการส่งออกก็จะเติบโตมากขึ้น ด้วยเช่นกัน"
นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคารโลกยังกล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยจะขับเคลื่อนต่อไปอย่างไรในอนาคตนั้นจำเป็นจะต้องเข้าใจและตระหนัก เสียก่อนว่าสถานการณ์โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม นั่นก็คือ เศรษฐกิจในประเทศพัฒนาแล้วและจีนจะไม่ขยายตัวมากเหมือนที่เคยเป็นมา นอกจากนี้ ไทยยังต้องเผชิญกับการแข่งขันจากประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกที่กำลังจะก้าวขึ้นมาใกล้เคียงกับไทย สินค้าเกษตรที่เป็นสินค้าส่งออกของไทยก็กำลังมีแนวโน้มราคาลดลง และโลกมีแนวโน้มต้องเผชิญความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเมื่อเห็นแนวโน้มสถานการณ์เช่นนี้ ไทยก็ควรจะต้องปรับตัวให้สอดคล้องกัน คือ ประการแรก ไทยควรจะต้องมีมาตรการการคลังรองรับมากเพียงพอหากมีการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โลกอย่างรุนแรง รัฐบาลต้องใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ประการที่สอง ไทยต้องเร่งการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 รวมทั้งการทำตลาดการค้าเสรีกับจีนและอินเดียอย่างเต็มประสิทธิภาพ
ประการที่สาม คือไทยต้องแสวงหาตลาดใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะการแข่งขันในเวทีการค้าโลกมีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น สุดท้ายคือ ไทยต้องนำตัวเองหลุดพ้นจากสภาวะที่เรียกว่า "กับดักของประเทศรายได้ปานกลาง" (Middle Income Trap) โดยต้องให้ความสำคัญกับระบบการศึกษาและการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อเตรียมกำลัง แรงงานให้พร้อมสำหรับการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องยุติการปกป้องภาคบริการเพื่อความสามารถในการผลิตและ การเติบโตที่ดีขึ้น
"เราต้องพัฒนาคนอย่างจริงจัง และต้องพิจารณาว่าธุรกิจภาคส่วนใดที่มีศักยภาพโตเร็วแต่ยังไม่ค่อยได้รับการ ส่งเสริมซึ่งเราพบว่า ธุรกิจภาคบริการนั่นเองที่มีการจ้างงานถึง 45 % ของการจ้างงานทั่วประเทศและมีสัดส่วนมากกว่า 40 % ของจีดีพี ดังนั้นธุรกิจภาคบริการจะเป็นเครื่องจักรตัวต่อไปในการขับเคลื่อนการเติบโต ทางเศรษฐกิจของประเทศไทย"

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 32 ฉบับที่ 2,793 วันที่ 18-21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555